สายพระป่าพระกรรมฐานพระทั่วไปเครื่องรางของขลัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย wasan112, 29 มกราคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    พระนาคปรกคู่ตัดเดี่ยว กรุนาดูน
    แบบพระพิมพ์ดินเผากรุพระนาดูน

    พระพิมพ์ดินเผากรุพระนาดูนที่ขุดพบเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เป็นพระ

    พิมพ์ดินเผาฝีมือช่างประจำราชสำนัก โดยในกอมระตาญง์พร้อมด้วยพระสหายได้ร่วมกัน

    สร้างไว้เพื่อเป็นพุทธบูชาสืบต่อพระพุทธศาสนา พระพิมพ์ดินเผากรุพระนาดูน มีพุทธศิลป์

    ลวดลายลีลาอ่อนช้อยสวยงามและเป็นศิลปะสมัยทวาราวดีมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่

    ๑๒–๑๖ (หรือประมาณ ๑,๓๐๐ ปี)เนื้อพระพิมพ์แข็งแกร่งมาก พระพิมพ์บางองค์กลายเป็น

    เนื้อหิน สีเนื้อพระพิมพ์มี ๕ สี คือสีหิน(น้ำตาลแก่) สีเหลืองอ่อนหรือสีเหลืองมันปู สี

    ชมพู สีแดงหินทราย และสีขาวนวล (สีเท่าอ่อน) ในพระพิมพ์เกือบทุกพิมพ์จะมี

    รูปเจดีย์ และสถูปจำลองปรากฎอยู่เสมอ และเป็นพระพิมพ์เล่าเรื่องพุทธประวัติที่มีความ

    หมายอยู่ในตัว พระพิมพ์ดินเผากรุพระนาดูนที่ขุดพบได้นำตัวอย่างไปวิเคราะห์หาส่วนผสม

    โดยคุณโสดา รัตนิน แห่งมหาวิทยาลัยโอตาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งขณะนั้นได้ปฏิบัติงาน

    อยู่ที่โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาการวิเคราะห์ปรากฎว่า ส่วนผสมหลัก

    ได้แก่ ศิลาแลง ดินเหนียว แกลบข้าว ทราย กรวด ในตัวอย่างบางชิ้นมีเมล็ดข้าวผสมอยู่

    ด้วยส่วนผสมที่ใช้มากได้แก่ ทราย ซึ่งเมื่อเผาแล้วจะทำให้เนื้อดินมีความแกร่งมาก

    ลักษณะการเผาจะเผาแบบกลางแจ้งอุณหภูมิไม่คงที่ จึงทำให้สีของพระพิมพ์ดินเผาแตกต่าง

    กัน รูปลักษณะของพระพิมพ์ดินเผากรุพระนาดูน สามารถแบ่งออกได้เป็น ๖ รูปลักษณะ คือ



    ๑. แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มี ๒๐ แบบพิมพ์

    ๒. แบบฐานสี่เหลี่ยมยอดโค้ง มี ๑๐ แบบพิมพ์

    ๓. แบบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มี ๗ แบบพิมพ์

    ๔. แบบสามเหลี่ยมรูปใบไม้หรือรูปหอย มี ๓ แบบพิมพ์

    ๕. แบบสี่เหลี่ยมจตุรัส มี ๑ แบบพิมพ์

    ๖. แบบลอยตัวองค์เดียว มี ๑๑ แบบพิมพ์
    อ้างอิง : พระนาดูนนั้นดูยากมากครับ ต่อให้เซียนระดับอินเตอร์ก็ดูยาก ผมขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังน่ะครับ สมัยที่ผมบรรจุเป็นข้าราชการครูที่นั้น ตอนกรุแตกใหม่ๆ และผมได้ช่วยงานพิธีไหว้พระธาตุทุกปี ตอนนี้ผมย้ายออกมาแล้วครับ พระกรุนาดูนที่มีมากที่สุดคือพระแผง พระที่สภาพองค์สวยมักจะอยู่ชั้นลึกๆ ส่วนกรุชั้นบนจะมีรูปลักษณะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ สมัยนั้นพระกรุนาดูนยังไม่มีราคา ชาวบ้านบางส่วนแถวนั้นต้องนำพระกรุนาดูนไปแลกข้าวเปลือก แถวหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะบริเวณที่นาแถวกรุนาดูน จะมีลักษณะดินเค็ม ปลูกข้าวได้ผลผลิตน้อย จึงพระนำไปแลกข้าวเปลือกตามหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น บ้านหนองโพธิ์ บ้านหนองแซง เขตอำเภอนาเชือก แต่ต่อมาพระกรุนาดูนเริ่มแสดงความศักดิ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านเมตตามหานิยม แคล้วคาดปลอดภัย ตำแหน่งหน้าที่การงาน คนก็เริ่มสนใจมากขึ้นและก็เริ่มหายากมากขึ้นตามลำดับ และก็เริ่มมีการปลอมขึ้นมา พระกรุนาดูนนั้นปลอมง่ายๆๆมากครับ เพราะเป็นพระเนื้อดินเผา ดินที่ทำพระไม่มีสวนผสมอะไรมากมาย คือลักษณะเของพระเป็นเนื้อดินที่มีลักษณะใกล้เคียงกับดินบริเวณกรุแถวนั้นเอง เริ่มแรกจากการปลอมพระ คือพระนาคปรก เพราะมีราคามาก โดยวิธีการปลอมคือ นำเอาพระแผงที่หักไม่สวย มาปดแล้วทำใหม่ ให้ดูสวยงามมวลสารได้ครบ ในหนังสือพระก็มีมากจากนั้นก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยตามลำดับครับ ในส่วนพระของท่าน mutita99 นั้นต้องพิจารณาดูว่าได้มาอย่างไร ถ้าเป็นคนเฒ่าคนแก่เขาให้มาหรือเป็นของตกทอดมา ก็น่าจะเป็นของแท้ ถ้าถามเซียนนั้นคงยากครับ เพราะมีครั้งหนึงผมไปอบรมที่กรุงเทพฯ ผมได้มีโอกาสไปแถวๆท่าพระจันทร์เลยลองให้เซียนดู เขายังตีพระของผมเป็นของเก๊ เลย ต้องทำใจครับ ต้องเชื่อมั่นในพุทธคุณของพระที่ท่านได้มาดีกว่าครับ ยึดมั่นในหลักธรรม เป็นคนดี พระก็คุมครองครับท่าน

    อ้างอิง :

    ประวัติความเป็นมาของพุทธมณฑลอีสาน พระธาตุนาดูน

    ..........ในปีพุทธศักราช 2522 กรมศิลปากรและราษฎร์ในตำบลนาดูนได้ขุดพบพระบรมสารีริกธาตุจากเนินดินที่เป็นซากโบราณสถาน ในบริเวณที่นาของราษฎร์ ท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม พระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานดังเกล็ดแก้วประดิษฐ์สถานในผอบ 3 ชั้น ชั้นในเป็นทองคำ ชั้นกลาวงเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริด สวดซ้อนกันเรียงตามลำดับ และบรรจุอยู่ในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่ง เป็นสถูปโลหะ ทรงกลมสูง 24.4 เซนติเมตร ถอดออกเป็น 2 ส่วน ส่วนยอดสูง 12.3 เซนติเมตร ส่วนองค์สถูปสูง 12.1 เซนติเมตร

    .ชาวจังหวัดมหาสารคาม ดำริว่า อุบัติการณ์ของพระบรมสารีริกธาตุครั้งนี้นับเป็นนิมิตหมายอันดี แก่ชาวจังหวัดมหาสารคามอย่างยิ่ง สมควรสร้างพระสถูปเจดีย์ประดิษฐาน ไว้ให้ถาวรมั่นคง เป็น ปูชนียสถานและสิริมงคลแก่ภูมิภาคนี้ต่อไป และเพื่อสืบทอดพระบวรศาสนาตามแนวทางแห่งบรรพชน จึงจัดสร้างโครงการพุทธมณฑลอีสานขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ พุทธศักราช 2525-2529 ประกอบด้วยสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์พระธาตุนาดูนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ศูนย์พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมจำปาศรี เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ อานาจักร จัมปาศรี นครโบราณของบริเวณนี้ซึ่งอยู่ในสมัยทวารวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-16 ประกอบด้วย วัด ส่วนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ศาลาพัก แหล่งน้ำ และถนน กำหนดพื้นที่ก่อสร้าง ณ โคกดงเค็ง มีปริมณฑล 902 ไร่เศษ เจดีย์พระธาตุนาดูน มีลักษณะประยุกต์จากสถูปจำลองที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กับลักษณะศิลปากร แบบทวารวดีออกแบบและดำเนินการสร้างโดยกรมศิลปากรสูง 50.50 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 35.70 เมตร พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้ประกอบ พิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2528 ก่อสร้างสำเร็จบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2529 สิ้นค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 7,580,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) ครั้นวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 พระบาทสมด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมงกุฏราชกุมารเสด็จพรัราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงประกอบพิธีอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้าบรรจุ ในองค์ เจดีย์พระธาตุนาดูนนี้



    อ้างอิง
    กรุพระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

    ......แผ่นดินอีสาน มีลักษณะสูงขึ้นไปทางทิศตะวันตกและทิศใต้ของภาค มีแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์และเทือกเขาดงพญาเย็นอยู่ทางทิศตะวักตก และมีเทือกเขาสันกำแพง เทือกเขาพนมดงรักอยู่ทางทิศใต้ของภาคจึงเป็นเหตุให้พื้นที่ของภาคอีสานจึงค่อยๆ ลาดลงสู่ตอนกลางของภาค ซึ่งจะสังเกตุการไหลลงของแม่น้ำต่างๆ จะไหลลงไปทางทิศตะวันออกเพื่อไปสู่ลุ่มแม่น้ำโขง

    ......วัฒนธรรม “ทวาราวดี” ที่มีรากฐานมาจากพุทธศาสนาจาก อินเดีย ได้ส่งอิทธิพลเข้ามาสู่ภาคอีสานในราวพุทธศตวรรษที่ 12 โดยได้เข้ามาทาง ลุ่มแม่น้ำมูล และ แม่น้ำชี ในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างอย่างแพร่หลาย จนกระทั้งถึงปลายพุทธศตวรรษที่15

    ......จังหวัดมหาสารคามได้พบร่องรอยหลักฐานของ วัฒนธรรมทวาราวดี สมัยประวัติศาสตร์ระยะแรกเริ่มกระจายอยู่ตาม บริเวณชุมชนสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิมหลายแห่งด้วยกัน เช่น อำเภอกันทรวิชัย และ อำเภอนาดูน

    ......อำเภอนาดูน คือ นครจำปาศรี ในอดีต ตัวเมืองเป็นรูปไข่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 600 เมตร และมีเชิงเทินดิน สูงประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร และมีคูอยู่กลาง กว้างประมาณ 20 เมตร เพื่อชักน้ำเข้ามาใช้ประโยชน์ในการบริโภค และเพื่อใช้ป้องกันข้าศึกศัตรู ภายในตัวเมือง นครจำปาศรี ได้มีการขุดพบโบราณวัตถุโดยกรมศิลปากรที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2522 ที่สำคัญ คือสถูปสัมฤทธิ์ 3 ชั้น ซึ่งมีความสูงรวมจากฐานถึงยอด 24.4 เซนติเมตร เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สถูปชั้นนอกทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ชั้นกลางทำด้วยเงิน และชั้นในทำด้วยทองคำ ภายในสถูปมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่องค์หนึ่ง มีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น ขนาดเท่าปลายเม็ดข้าวสารหัก หล่อเลี้ยงไว้ด้วย น้ำมันจันทน์ เมื่อเปิดออกจะได้กลิ่นหอมอบอวล ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก และต่อมาในปี พ.ศ.2525 – 2529 จึงมีการสร้างพระสถูปเจดีย์จำลอง ซึ่งมีลักษณะแบบ ทาวราวดี ดำเนินการสร้างโดย กรมศิลปากร สูง 50.50 เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 35.70 เมตร เพื่อเป็นปูชนียสถานและสิริมงคลแก่ภูมิภาค และเพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา และศิลปะวัฒนธรรมอีสาน หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่านี่คือ พุทธมณฑลอีสาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ ชาวจังหวัดมหาสารคาม

    ......โบราณวัตถุอีกประเภทหนึ่ง คือ พระพิมพ์ดินเผา ซึ่งจัดว่าเป็น พระกรุที่เก่าแก่ที่สุด อีกกรุหนึ่งของประเทศไทย ประมาณ 1,500 ปี เป็นพระกรุที่มีจำนวนมากที่สุด และมีจำนวนพิมพ์มากกว่า 40 พิมพ์ และพระพิมพ์ดินเผากรุนาดูนก็ขึ้นอยูกับความแตกต่างในรายละเอียดของพระแต่ละองค์ และความแตกต่างก็บ่งบอกถึงความหมายอยู่ในตัวอีกทั้งยังบอกถึงคติความเชื่อ ลัทธิศาสนา รวมถึงแสดง พุทธิปรัชญาที่แฝงอยู่ด้วย

    ......ค่านิยม พระพิมพ์ดินเผากรุนาดูนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันมี 2 แบบ คือ พิมพ์เล็กห้อยคอ และ พิมพ์พระบูชา สำหรับพิมพ์เล็กขนาดขึ้นคอที่จัดว่ามีราคาสูงที่สุด ก็คือ ปางลีลา หรือ ปางตริภังค์ สาเหตุเนื่องจากเป็นพิมพ์ที่ขุดพบน้อยมาก หายาก และมีความอ่อนซ้อย สวยงาม เหมาะสำหรับขึ้นคอ รองลงมาคือ พิมพ์นาคปรกคู่ ส่วน พระพิมพ์บูชา เรียงความนิยมตามลำดับ คือ ปางนั่งเมือง ปางประทานพร ปางปาฏิหารย์ ปางเสด็จดาวดึงส์ ปางปรกโพธิ์ และ พระแผง ชนิดต่างๆ และสุดท้ายต้องขอขอบคุณ อาจารย์ทรงเดช แสงนิล จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมาหาสารคาม ที่ได้เอื้อเฟื้อข้อมูล เกี่ยวกับเมืองนครจำปาศรี เพื่อเป็นวิทยาทานตามแนวทางแห่งบรรพชนไว้ ณ ที่นี้
    ประวัติยืมเขามาตอบ ๆ ไม่มีเวลาเขียนเองครับ
    เปิดให้บูชา 1499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท แท้ดูง่ายครับดูจากกรอบที่ใสมาน่าจะมี 10 ปีขึ้นครับประสบการณืมากมายครับ

    IMG_20250615_114134_copy_598x1084.jpg IMG_20250615_114142_copy_563x1081.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2025
  2. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    ปิดแล้วครับ

    พระสีวลี เนื้อดิน พิมพ์เล็ก หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม

    พระสีวลีมหาเถระ ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก ด้วยอำนาจผลบุญของพระสีวลีที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ชาติก่อน เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยดานาค ครุฑ มนุษย์ นำมาถวายอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

    ด้วยเหตุนี้พระสีวลีจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านลาภสักการะ เป็นหนึ่งในมหาสาวก ซึ่งได้ช่วยแบ่งเบาภาระพระศาสดาและได้ช่วยงานพระศาสนาเป็นอย่างมาก

    ผู้ที่นับถือมักทำรูปของท่านเป็นพระธุดงค์ ถือไม้เท้าและตาลปัตร สะพายบาตร

    องค์นี้เป็นพระที่หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท สร้างในยุคต้นๆ
    พระสีวลีมหาลาภองค์จ้อย (มีย่าม) หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท.....พิมพ์มาตรฐานนิยม จมูกใหญ่ ไม้เท้าโต หลังลายมือ เนื้อเก่าจัดจ้าน ถึงยุค พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม ค้าขายดีมาก องค์นี้เนื้อดำสวยไม่ผ่านการใช้

    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท...เป็นยอดพระเกจิอาจารย์แห่งยุคกึ่งพุทธกาล หลวงพ่อท่านมีปฏิปทาและจริยาวัตรที่งดงาม หลวงพ่อสำเร็จญานชั้นสูงมีพลังจิตกล้าแข็ง แม้แต่หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีท่านก็ยังชื่นชมในพลังจิตของหลวงพ่อในครั้งที่เคยร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลด้วยกัน หลวงพ่อท่านยังมีพระเวทย์วิทยาคมที่กล้าแกร่ง มีวิชาอาคมสุดเข้มขลัง วัตถุมงคลที่หลวงพ่อสร้างขึ้นและทำการปลุกเสกนั้น เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาหลวงพ่อว่าเป็นสุดยอดของดี เป็นสุดยอดแห่งวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นเพื่อหวังผลทางด้านพุทธคุณชนิดที่แรงมาก เห็นผลและหวังพึ่งพุทธคุณได้แน่นอน ผู้ที่ใช้บูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อต่างมีประสบการณ์ให้เห็นกันทุกคน เป็นที่เล่าขานกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ในมหาพุทธานุภาพที่หลวงพ่อปลุกเสกไว้ในวัตถุมงคล

    เปิดให้บูชา 499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับประกันแท้ครับ

    IMG_20250615_114207_copy_778x1327.jpg IMG_20250615_114232_copy_1539x2737.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2025 at 17:03
  3. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    ดาบสะหรี่กัยไชย พระอาจารย์อุเทน
    ทำด้วยงาช้างแกะ จารอักขระภาษาล้านนา สร้าง199ด้าม ขนาดเล็กยาว3เชนติเมตร
    ****มอบเป็นที่ระลึก
    แจกฟรีท่านที่มาร่วมทำบุญอายุมงคล39ปี พระครูสิทธิวโรทัย วันอาทิตย์ที่19กุมภาพันธ์2566
    ******
    “สรีกัญไชย” คำนี้ เขียนตามอักษรธรรมล้านนา ออกเสียงว่า “สะ-หลี๋-กั๋น-ไจ” บางแห่งใช้ “สรีกัญชัย” ก็มี หมายถึงดาบวิเศษของพระโพธิสัตว์ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในนามของดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์พระเถระสังฆเจ้า ได้เมตตาสร้างไว้เป็นเครื่องรางทรงพุทธานุภาพ ปกป้องคุ้มครองบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ได้มีไว้สักการบูชา กล่าวได้ว่าเป็นที่สุดแห่งศาสตร์พระเวทย์ล้านนา เป็นวิชาชั้นสูงของภาคเหนือก็ว่าได้
    ดาบชื่อนี้ เป็น ๑ ใน ๕ อย่างของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้านนา มีรูปลักษณ์ต่างกันออกไป เช่น เป็นดาบยาววาก็มี เป็นดังมีดน้อยก็มี หรือมีด้ามยาวอย่างง้าว ที่ใช้เป็นเครื่องเทียมยศพระพุทธรูป ปักเรียงกับละแอบังสูรย์ ทั้งหมดต่างเรียกขานว่า ดาบสรีกัญไชย และหากจะเทียบศักดิ์แห่งดาบนี้ คงทำนองเดียวกับพระแสงขรรค์ชัยศรีของภาคกลาง รูปแบบดาบโดยละเอียดเป็นอย่างไร เนื้อเหล็กเป็นอย่างไร ในเอกสารล้านนาไม่ได้พรรณนาไว้ รู้แต่ว่าเป็นของวิเศษคู่บุญพระโพธิสัตว์
    หากจะพูดถึงที่มาที่ไปของดาบสรีกัญไชย คงต้องนับย้อนไปถึงตำนานความเชื่อตามโบราณกาล ที่เล่าสืบทอดกันมาว่าพญาอินทร์ (พระอินทร์) หรือสักกะเทวราช ได้มีบัญชาให้พระเวสสุกรรมเทวบุตร ซึ่งเทพผู้เชี่ยวชาญงานช่างของสวรรค์ ลงมาตีพระขรรค์ถวายพระเกตุมาลา
    ตามตำนานเล่าว่า พระเวสสุกรรมเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานช่าง ประกอบกับมีฤทธาอภินิหารพอตัว การตีดาบจึงไม่ใช่ธรรมดา ต้องใช้เหล็กถึงสี่หาบ นำมาผ่านพิธีการเผาตีไล่เนื้อเหล็ก และใช้ว่านยาซัด จนเหลือเป็นพระขรรค์เนื้อบริสุทธิ์เพียงเล่มเดียวมาถวายพระเกตุมาลา
    ด้วยความไม่รู้ถึงพิธีกรรมที่พระเวสสุกรรมได้ตั้งอกตั้งใจทำพระขรรค์วิเศษเล่มนี้ขึ้น เมื่อพระเกตุมาลาเห็นดาบเล่มเดียวก็พาให้คิดว่าพระเวสสุกรรมมีจิตคิดไม่ซื่อ ฉ้อฉลเอาเนื้อเหล็กไปถึงสี่หาบแต่นำพระขรรค์เล่มเดียวมาถวายก็เลยออกปากต่อว่าพระเวสสุกรรม
    แม้พระเวสสุกรรมไม่ได้พูดตอบโต้อย่างไร แต่ก็บังเกิดความน้อยใจลุกขึ้นลากพระขรรค์เล่มนั้นไปบนท้องพระโรง เกิดเป็นอัศจรรย์ คมพระขรรค์นั้นกล้านัก ผ่าท้องพระโรงแยกออกเป็นสองซีกในทันที จากนั้นเวสสุกรรมก็โยนพระขรรค์เล่มนั้นทิ้งลงไปในทะเลสาบ ดาบสรีกัญไชย จึงจมอยู่ใต้ทะเลสาบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ตำนานต่อจากนี้ค่อนข้างจะสับสนและมีหลายกระแส ตามแต่ว่าผู้รจนาไว้เป็นชนชาติใด บ้างก็ว่าพระอินทร์ใช้อิทธิฤทธิ์เรียกเอาดาบสรีกัญไชยขึ้นมามอบให้กับเจ้าเมืองผู้มีบุญาธิการพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระองค์ก็ได้ใช้เป็นอาวุธคู่พระวรกายจนสามารถรวบรวมผู้คนตั้งตนเป็นอาณาจักรขึ้นมา อาณาจักรที่ว่านี้ จะเป็นล้านนา ล้านช้าง จะเป็นชนชาติขอม มอญ พม่า ก็สุดจะเดาได้
    บางสำนวนก็ว่า พระเกตุมาลาเห็นปาฏิหาริย์ของดาบสรีกัญไชยจึงได้ไปงมขึ้นมาใช้คู่พระวรกาย และสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นหลัง กลายเป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติยศ หรือที่เรียกว่าเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในที่สุด
    ตำนานมักจะเป็นเช่นนี้แล... เมื่อได้ฟังจากหลายแหล่ง จากผู้เล่าแตกต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ กัน ก็มักจะได้เนื้อหาที่แตกต่างหลากหลาย เพราะผู้รจนาตำนานเหล่านี้ในอดีต ต่างปรารถนาจะสรรเสริญชนเผ่าของตนนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นตำนานฉบับไหนก็ตาม ล้วนมีความเชื่อตรงกันว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบวิเศษที่พญาอินทร์ ท่านประธานให้ผู้มีบุญ เป็นของสูง เป็นเครื่องแสดงบุญาธิการ มีอิทธิฤทธิ์ในการปราบเหล่าร้ายศัตรู เป็นต้น
    ::: ตำนานดาบสรีกัญไชยกับพระขรรค์ไชยศรี
    ดาบสรีกัญไชยในส่วนที่เกี่ยวพันในแง่ของประวัติศาสตร์มีเล่าขานสืบทอดกันมานานตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยากับแผ่นดินล้านนา เนื้อหารายละเอียดแตกต่างกันไปตามความเชื่อถือศรัทธาของผู้บันทึก แต่เนื้อหาหลักพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ว่า ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีบุญญาธิการ ทรงแผ่พระราชอำนาจไปทั่วแคว้น พระองค์มีอาวุธวิเศษคู่พระวรกายคือ “พระขรรค์ไชยศรี” ยามเมื่ออกรบทัพจับศึกก็แสดงอานุภาพเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป เป็นพระแสงดาบที่นอกจากจะเป็นอาวุธคู่พระวรกายแล้ว ยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าแม่ทัพนายกอง ทหารหาญทั้งหลายที่ร่วมทัพอีกด้วย
    ในขณะเดียวกันนั้น อาณาจักรทางล้านนาก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งนามว่าพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพทั้งในการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนาเป็นที่ร่ำลือไปทุกทิศ ยุคนั้นเป็นเสมือนยุคทองของเมืองเชียงใหม่ มีการขยายเขตแดนแสดงอานุภาพออกไปอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับพระบรมไตรโลกนาถของทางอยุธยา
    การแย่งชิงหัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ทั้งด้านการค้าและการสงคราม ถือเป็นภารกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในหัวเมืองที่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรใหญ่ในย่านอุษาคเณย์ นี้ก็คือเมืองเชลียง ด้วยว่าเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ การแย่งชิงครอบครองเมืองเชลียงจึงเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอาณาจักรล้านนา
    สองอาณาจักรยกทัพขึ้นประลองกำลังกันเป็นสามารถ อยุธยามีของวิเศษ คือ พระขรรค์ไชยศรี ส่วนพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาก็ทรงมีดาบวิเศษคู่พระวรกาย คือ ดาบสรีกัญไชย จึงมิได้เกรงกลัวต่อทัพกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด ต่างก็ยกทัพเข้ารบพุ่งกันอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ทำให้ขุนทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เลิกราทัพกลับไป ต่อมาเผ่าไทยทั้งสองหัวเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียแก่พม่าทั้งสองอาณาจักรในที่สุด
    เรื่องดาบสรีกัญไชยของพระเจ้าติโลกราช มีข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันหลายกระแส บ้างเชื่อว่าพระเจ้าติโลกราชได้รับดาบอาญาสิทธิ์วิเศษนี้ตกทอดมาจากยุคพ่อขุนมังรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่ แต่บางตำนานกล่าวว่า ขณะกองทัพอยุธยายกมาถึงนั้น ทางล้านนาทราบถึงความวิเศษของพระขรรค์ไชยศรี จึงประชุมเสนาอำมาตย์ราชครู ผู้มีความรู้มนตราอาถรรพ์ ประกอบพิธีจัดสร้างดาบสรีกัญไชยขึ้น เพื่อรับมือกับพระขรรค์ไชยศรีโดยเฉพาะ
    อีกตำนานหนึ่งกล่าวย้อนไปในอดีตกว่ายุคนั้นว่า ในสมัยที่อยุธยาขยายอาณาเขตเข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา เมื่อทัพของอยุธยาได้มาตีเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะแย่งชิงได้สะดวก เนื่องว่าเหล่าทหารนักรบของล้านนานั้น มีคาถาอาคมที่แก่กล้า มีสุดยอดของขลัง อีกทั้งสักยันต์รูปรอยตามร่างกาย จึงทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยากที่จะเอาชนะได้ เมื่อทองทัพของอยุธยาไม่สามารถที่จะแย่งชิงอาณาจักรล้านนาได้ จึงถอยทัพกลับไปยังเมืองของตน และได้ปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะทำลายอาคมของเหล่านักรบของล้านนาได้ จึงได้ทำศาสตราวุธวิเศษขึ้น และให้ชื่อว่า “พระขรรค์ไชยศรี” ซึ่งได้ลงคาถาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมจนถึงกระทั่งตี และทำการลงอักขระปลุกเสกคาถาอาคมอีกมากมาย
    เมื่อได้ดาบวิเศษดังนี้แล้ว เมื่อทัพอยุธยายกขึ้นมาตีชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็สามารถเอาชนะคาถาอาคมของเหล่าทหารล้านนาได้โดยง่าย
    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักรบ ผู้เก่งกล้าทางอาคมและพระเกจิของอาณาจักรล้านนา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่พระเวทย์คาถาด้านอยู่ยงคงกระพันถึงได้พ่ายแพ้ต่อคมดาบของอยุธยา เมื่อส่งคนไปสืบก็ได้ทราบถึงอานุภาพของพระขรรค์ไชยศรี เหล่าปราชญ์ล้านนาจึงได้คิดหาทางแก้ โดยการสร้างศาสตราวุธโดยลงย้อนคาถากลับ เหมือนกับเป็นการย้อนเกล็ดปลา หรือเกล็ดชะมด เพราะเกล็ดก็เหมือนเกราะกำบัง เมื่อขูดเกล็ดย้อนกลับก็สามารถถอดเกล็ดปลาหรือเกล็ดชะมดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างและตั้งชื่อดาบนั้นว่า “ดาบสรีกัญไชย” หรือ “พระศรีขรรค์ไชย” ตามสำเนียงภาคกลาง เป็นการย้อนเกล็ดตั้งชื่อกลับจากพระขรรค์ไชยศรีนั่นเอง
    เมื่อกองทัพล้านนายกออกไปรับมือกับทัพอยุธยาด้วยดาบสรีกัญไชย ก็เสมือนคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ มีอาวุธที่ทัดเทียมกัน จึงสามารถป้องกันเขตขันธ์สีมา ไม่ให้ถูกยึดครองได้ ต่างฝ่ายต่างก็รบพุ่งเป็นสามารถแต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนเลิกราทัพกลับไป
    นี่คือตำนานอิงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเชื่อในตำนานใดก็ตาม อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ทรงอิทธิฤทธิ์ สามารถป้องกันภูมิผีปีศาจ ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันภัย ชนะข้าศึกหมู่มาร หรือทำให้เกิดโชคลาภที่ดีได้ พึงมีไว้กราบไหว้ ให้เกิดเป็นมงคลแก่ผู้สักการบูชา จึงได้มีครูบาอาจารย์ที่ทรงพระเวทย์วิทยาคมของล้านนา หลายรูปหลายองค์ได้จัดสร้างดาบสรีกัญไชย ดาบศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานล้านนา ให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้เคารพนับถือได้มีไว้สักการะ ซึ่งก็มีแตกต่างกันหลายสำนัก
    ดาบสรีกัญไชยของแต่ละท้องถิ่นมีรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันไปตามแต่ผู้สร้าง เช่นทางน่านก็จะเป็นแบบหนึ่ง แถบลำพูนจะใกล้เคียงกับทางเชียงใหม่ ส่วนของลำปางบางครูบาอาจารย์ลงแตกต่างจากของเชียงใหม่โดยสิ้นเชิง บางตำราแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าในอดีตเกิดการคัดลอกถ่ายเทศาสตร์โบราณ ดังนั้นเมื่อได้พบเห็นตำรับที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
    เมื่อกล่าวถึงดาบสรีกัญไชยในอดีตที่โด่งดังที่สุด ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เห็นจะไม่มีเกินดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ด้วยเชื่อว่า ท่านครูบาขันแก้ว และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดชัยมงคล (วังมุย) ได้รับสืบทอดวิชาการสร้างดาบสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศีลธรรม (ศรีวิไชย) ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันในอดีตว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับดาบทองคำจากพระอินทร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้กล่าวอ้างว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยมีดาบสรีกัญไชยฝักทองคำ ตกลงมาจากสวรรค์สู่แท่นบูชา ใช้เป็นอุบายเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คน คิดแข็งขืนต่อบ้านเมือง เรื่องนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อกล่าวหา ที่ทำให้ครูบาเจ้าศีลธรรมต้องอธิกรณ์ถูกไต่สวน ซึ่งสุดท้ายครูบาเจ้าศีลธรรมก็สามารถยืนยันในความบริสุทธิ์ของท่านต่อสมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    ซึ่งในสำนวนการไต่สวน โดยกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ และ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ที่มีถวายต่อองค์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช ได้ยืนยันคำพูดของครูบาเจ้าศรีวิชัยว่า “ของเช่นนี้ (ดาบสรีกัญไชย) ท่านไม่มี”
    ซึ่งข้อมูลนี้ตรงตามบันทึกคำบอกเล่าของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ที่ว่าท่านครูบาเจ้าศีลธรรมได้เจอตำรายันต์เล่มหนึ่ง เป็นตำราคาถาอาคม ตลอดจนวิธีการสร้างดาบสรีกัญไชย (มิใช่ดาบ) ที่ถ้ำเชียงดาว จึงได้เก็บรักษาไว้ ต่อมาครูบาชุ่มซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้คัดลอกตำราเล่มนี้ไว้ และสืบทอดมายังครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ผู้เป็นสหธรรมิกของครูบาชุ่ม และในเวลาต่อมาตำรายันต์เล่มนี้ได้สูญหายไปในที่ใด ไม่เป็นที่ปรากฏ
    ในตำนานการสร้างเครื่องรางของขลังในอดีตมีพระเกจิอาจารย์มากมายหลายครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังประเภทมีดและประเภทดาบซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอปราบไพรีพินาศอันโด่งดังเลื่องลือชื่อ หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอเขาควายเผือก ส่วนทางภาคใต้ก็มีการสร้างมีดหมอหรือดาบกายสิทธิ์ของสำนักตักศิลาเขาอ้อเช่นกัน
    สำหรับภาคเหนือเมืองล้านนานั้น ก็มีเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากในอดีต ที่ได้สร้างดาบสรีกัญไชย ด้วยเชื่อว่าเป็นดาบที่ใช้ลบล้างอาถรรพ์ คุณผี คุณคน ได้ฉมังนัก แต่ไม่ได้สร้างเป็นรูปทรงดาบ แต่ใช้การลงอักขระเป็นรูปดาบบนแผ่นทองแดงแทนการลงบนตัวดาบจริงๆ ทั้งนี้อาจเป็นด้วยว่า การหาวัสดุมาทำดาบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงอักขระบนแผ่นทองแดง หรือแม้กระทั่งผืนผ้ายันต์ ก็มีคุณวิเศษไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งตะกรุดยันต์ดาบสรีกัญไชยที่สร้างโดยครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนี้ก็โด่งดังและในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่หายากอีกด้วย
    ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ตำราการสร้างและเสกดาบสรีกัญไชยในแผ่นดินล้านนานั้น มีตำรับวิชาที่แตกต่างกันมากมายหลายวิธี ทั้งที่แตกต่างกันในลักษณะของขนาดและแตกต่างกันที่อักขระยันต์ ตามรูปแบบของสูตรลงยันต์ต่างๆ ของแต่ละสำนัก แต่ทั้งนี้สำหรับพุทธคุณแล้วล้วนมีอิทธิฤทธิ์ไม่แตกต่างกัน ดังตัวอย่างหนึ่งที่หนานบุญ เมืองงาช้างดำ ได้พบข้อความจารึกในตำราโบราณกล่าวว่า ใครก็ตาม ที่ได้ถือเอาคุณแห่ง “พระยันต์ดาบสรีกัญไชย หรือยันต์มีดดาบสรีกัญไชย” นั้น ก็
    “จักสมดั่งกำมักอยู่เย็นเป็นสุข จ๊ะนะผาบแป๊ฝูงผีสางมารแมนทั้งหลาย มีไจยจ๊ะนะต่อข้าศึกสัตถู มีป๋าระมีอำนาจวาสนามากมูลตุ่นเต้านักแล”
    ความหมายก็คือ
    “ใครก็ตามถ้าได้เคารพบูชาในยันต์ดาบสรีกัญไชย ก็จะประสพตามความปรารถนาทุกประการ จะอยู่เย็นเป็นสุข มีชัยชนะต่อข้าศึกศัตรู ผีร้ายทุกประการ มีบารมี อำนาจวาสนาสูงส่ง มากนักแล”
    ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด หากเป็นผู้ที่มีความเคารพนับถือในศาสตร์แห่งคุณพระคุณเจ้าและพระเวทย์อาคมแล้ว ก็มักจะนิยมเสาะหาเครื่องรางของขลังประเภทมีดหมอ มีดครู ดาบครูต่างๆ มาบูชาสักการะ และนำมาเป็นเครื่องช่วยป้องกันตัว ป้องกันครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า
    ตำรายันต์มีดดาบสรีกัญไชยหรือมีดดาบกายสิทธิ์ เป็นตำราการสร้างวัสดุอาวุธอาถรรพ์ที่เปรียบเสมือนเป็นอาวุธของพระอินทร์ พระพรหม พระนารายณ์ พระฤาษี และอาวุธของพระพุทธเจ้า มีคุณวิเศษมากนักตามความเชื่อของเกจิอาจารย์มาหลายยุคหลายสมัย ลักษณะของมีดดาบสรีกัญไชยที่ได้มีการบันทึกไว้คือ
    ดาบขนาด ๑ กำมือ แทนคุณครูบาอาจารย์
    ดาบขนาด ๓ กำมือ แทนคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการ
    ดาบขนาด ๕ กำมือ แทนคุณพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
    ดาบขนาด ๙ กำมือ แทนคุณพระเจ้าทั้งหลาย คุณเทพ คุณอินทร์ คุณพรหมทุกๆ องค์ ทั่วทั้งจักรวาล เป็นต้น
    จะเห็นได้ว่า คนโบราณหรือครูบาอาจารย์ในอดีต ท่านจะมีการสร้างอาวุธเครื่องรางของขลังต่างๆ แต่ละอย่างแต่ละชิ้นขึ้นมานั้น ย่อมมีคุณค่าและมีความหมายเป็นที่สุด กำหนดเอาคุณแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาเป็นตัวเชื่อมกับวัสดุที่ทรงคุณเหล่านั้นเสมอ เพื่อให้ผู้ที่นำเอาไปใช้ไปบูชานั้น ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าและทรงคุณที่สุด
    เปิดให้บูชา 1999 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับ แกะจากงาสะเด็นครับ



    IMG_20250621_070414_copy_2763x1339.jpg IMG_20250621_070422_copy_2597x1305.jpg

    487531599_3482832515217689_5715325596581936115_n.jpg 487824116_3482832308551043_3730976277689277814_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2025
  4. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    พระผงนาคปรก พระธาตุพนม ที่ระลึกสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระธาตุพนม อ.เมือง จ.นครพนม ปี 2518 พิมพ์เล็กเลี่ยมกรอบสเตนเลสเดิมๆ รวมเกจิสายอีสาน ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยคณาจารย์จากทั่วประเทศ และสายอีสานพระอาจารย์มั่น รวมจำนวนกว่า 100 รูป พิธียิ่งใหญ่มาก งานนี้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม, หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก และคณาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายรูป สภาพสวยมาก หายากมาก สายอีสานไม่ควรพลาด สภาพเดิมๆจากวัด

    พระพุทธคุณสูง พิธีดี ........ พระรุ่นนี้สร้างปี 2518 ในการฉลองการบูรณะพระธาตุพนม ซึ่งมวลสารที่ใช้ก็มีทั้งปูนพระธาตุ ว่านมงคล ผงวิเศษ แร่มงคล ปลุกเสกโดยเกจิสายกรรมฐานหลายสิบรูป โดยมี หลวงปู่คำพันธ์ ร่วมทำการปลุกเสกด้วย......นับว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาโดยแท้ พระสวยมาก ไม่เคยใช้เลย เก็บก็ดี บูชาก็เยี่ยม

    พระผง พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม ปี2518 ที่ระลึกในงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วันที่ 26 ธันวาคม 2518 รวมเกจิสายอีสาน ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และเกจิสายอาจารย์มั่น ร่วมปลุกเสก

    “พระธาตุพนม" ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของชาวพุทธสองฝั่งโขง ประดิษฐานอยู่ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นใน พ.ศ. 8 มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ บรรจุสิ่งของมีค่ามากกว่า 2,500 ชิ้น และบรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า) และพระบรมสารีริกธาตุอีกหลายองค์ ตลอดระยะที่ผ่านมามีการบูรณปฏิสังขรณ์รวม 5 ครั้ง

    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 องค์พระธาตุพนม ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครพนม ได้ล้มครืนพังทลายลง ได้สร้างความเศร้าสลดให้กับพุทธศาสนิกชนไทยทั้งประเทศ พระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) พระพุทธเจ้าและพระบรมสารีริกธาตุอีกหลายองค์ภายหลังพบพระอุรังคธาตุได้ 2 เดือน 26 วัน ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้จัดงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุอื่นๆ อีก 115 องค์ อัญเชิญประดิษฐานในพลับพลาพิธี ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่รวม 7 วัน 7 คืน ในระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2518 - 1 ม.ค. 2519 ถือเป็นงานสมโภชระดับชาติ ที่มีพิธีทางพระพุทธศาสนาและพิธีทางบ้านเมืองไปพร้อมกันวันที่ 26 ธันวาคม 2518 ประมุขฝ่ายสงฆ์ นำโดยสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ 17 รูป เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯทรงสรงพระกรัณฑ์พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรซากปรักหักพังขององค์พระธาตุพนม ก่อนเริ่มพระราชพิธี 3 วัน จังหวัดนครพนม โดยนายพิศาล มูลศาสตรสาทร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก "สมโภชพระธาตุพนม" นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ลานต้นศรีมหาโพธิภายในวัด ปลุกเสกโดยคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจากสำนักต่างๆ จำนวน 9 รูป หนึ่งในนั้นมีพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระเกจิชื่อดังร่วมในพิธีแผ่เมตตาจิต วัตถุประสงค์ตั้งใจ เพื่อนำปัจจัยมาบูรณะองค์พระธาตุพนม รุ่นนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีประสบการณ์สูง ด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นที่นิยมในหมู่ทหาร ตำรวจ ตชด. และ นปข.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิ เป็นวัตถุมงคลที่เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและมีพุทธานุภาพสูง

    วัตถุมงคล พระธาตุพนม ที่ระลึกในงานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุปี 2518 เกจิดังสายกรรมฐานปลุกเสกหลายองค์ จัดสร้างเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2518 ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยคณาจารย์จากทั่วประเทศ และสายอีสานพระอาจารย์มั่น รวมจำนวนกว่า 100 รูป พิธียิ่งใหญ่มาก งานนี้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม, หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก และคณาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายรูป ได้ร่วมในพิธีด้วย เนื่องจากเป็นพิธีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินในคราวนี้ด้วย พระรุ่นนี้ออกให้ประชาชนเช่าบูชาพร้อมกับเหรียญพระธาตุพนม เพื่อนำปัจจัยมาทำการบูรณะพระธาตุพนม ซึ่งได้ สร้างเสร็จเมื่อปี 2522 วัตถุมงคลรุ่นนี้มีประสบการณ์ดีมาก ทางด้านแคล้วคาด คงกะพันชาตรี เป็นนิยมในหมู่ทหาร ตำรวจ และ นปข. (หน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง)

    พระธาตุพนมเป็นพระธาตุที่บรรจุพระอุรังคธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไปสักการะถือเป็นมงคลต่อชีวิตอย่างยิ่ง

    พระธาตุพนมนั้นประดิษฐานพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระบรมศาสดาเอาไว้ และมีพญานาคจากนครพิภพพลัดกันเข้าเวรอารักษ์ขาพระธาตุ ดังนั้นปรกพระธาตุพนมจึงแทนองค์พระธาตุพนมและพญานาค ผู้ใดมีไว้ติดตัวเรื่องแคล้วคลาดดีนัก
    เปิดให้บูชา 1499 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาทครับองค์นี้มีพระธาตุเสด็จเยอะครับ

    IMG_20250621_070430_copy_1989x2588.jpg IMG_20250621_070438_copy_2015x2469.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2025
  5. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    ปิดแล้วครับ

    ลูกอมกันผี ครูบาสิริ วัดปากกอง รุ่น3 (ครูบาผีกลัว)สุดยอดเครื่องรางล้านนา พุทธคุณลูกอมเกศากันผีของท่านครูบาปากกอง นั้นมากไปด้วยประสบการณ์เรื่องเกี่ยวกับผีๆ เป็นต้นว่า บ้านผีสิง โรงแรมผี นอนบ่าสบาย ละอ่อนให้เมื่อคืน ผีสิงคน ลูกอมเกศาครูบาปากกอง เป็นเครื่องรางยอดนิยมของล้านนาในเรื่องกันผี กันของ คุณไสย มนต์ดำ พุทธคุณนั้นต่างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ลูกอมที่ครูบาสิงห์แก้วสร้างขึ้นมานั้นล้วนผิถีผิถันละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน และถูกต้องตามตำราทุกประการ สำหรับลูกอมของท่านครูบาสิงห์แก้วเหมาะสำหรับคนกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ ขวัญอ่อน เด็กร้องไห้กลางคืน เดินทางไกล น่าจะมีไว้ติดตัวสักลูกนะครับเพื่อความสบายใจ ....กั๋นผีไว้ก่อน เป็นประโยคคำพูดที่ท่านครูบาสิงห์แก้วมักจะพูดให้กับลูกศิษย์ลูกหาฟังอยู่บ่อยๆ ไว้เพื่อเป็นการเตือนสติและเป็นปริศนาธรรมของครูบาสิงห์แก้วมาจนถึงทุกวันนี้ สภาพสวย
    เปิดให้บูชา 1999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    IMG_20250621_104303_copy_1672x1416.jpg IMG_20250621_104253_copy_1613x1464.jpg IMG_20250621_104245_copy_1450x1420.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2025 at 17:13
  6. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    รูปถ่ายอนุญาติหลวงพ่อเกษม เขมโก ปี2518
    ข้อมูลสำคัญ : รูปถ่ายอนุญาติ <ขูดฟิล์ม> เป็นรูปถ่ายยุคต้นๆของหลวงพ่อเกษมเขมโกที่หลวงพ่ออนุญาติให้ถ่าย รูปนี้ถ่ายที่หน้ากุฎิหลวงพ่อซึ่งจะมีป้ายติดไว้ว่าห้ามขึ้นก่อนได้รับอนุญาติ ซึ่งรูปนี้ตอนถ่ายได้ติดคำว่าอนุญาติมาด้วยจึงเป็นชื่อรูปถ่ายนี้ว่าอนุญาติคับ ถ่ายปี ๒๔๙๖ อัดจากฟิมพ์ต้นฉบับแล้วระบายสีจีวร จะมีทั้งแบบรูปทรงไข่ และรูปทรงสี่เหลี่ยม..
    สวยสมบูรณ์กรอบเดิมโบราณ
    เปิดให้บูชา 6999 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับเป็นรูปที่หายากมากครับ IMG_20250630_161141_copy_701x869.jpg IMG_20250630_161148_copy_948x1248.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2025 at 07:43
  7. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    เหรียญบรมี81หลวงพ่อเกษมเขมโก
    เปิดให้บูชา 799 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    องค์นี้พิเศษมียันต์ปั๊มบนศรีษะหลวงพ่อเกษม
    IMG_20250630_161036_copy_565x767 (1).jpg IMG_20250630_161052_copy_583x753.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2025 at 21:32
  8. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    เหรียญยกช่ฟ้าวัดอัมพวาเนื้อนวะ
    เปิดให้บูชา 799 บาทค่าจัดส่ง 50 บาทครับ
    IMG_20250630_161115_copy_684x952.jpg IMG_20250630_161120_copy_753x929.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2025 at 21:42
  9. wasan112

    wasan112 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,592
    ค่าพลัง:
    +173
    เหรียญที่ระลึกหลวงพ่อเกษมเขมโกเนื้อนวะกะไหล่เงิน
    เหรียญกลมที่ระลึกหลวงพ่อเกษมเขมโกจังหวัดลำปางออกปี 18 ที่สุสานไตรลักษณ์จัดสร้างโดยคณะลูกศิษย์ที่อยู่ต่างจังหวัดจำนวณการสร้างมีไม่มากไม่มีหมุนเวียนในสนามจัดสร้างออกไปปีเดียวกันกับเหรียญ มทป ปี 18 และปลุกเสกชุดเดียวกันกับเหรียญศุขเกษมที่ออกชัยนาท ที่ได้เห็นมาเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวะ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เนื้อทองแดงรมดำ และเนื้อทองแดงผิวไฟครับ ชุดนี้ไม่มีลงในหนังสือรวมวัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษมอาจจะเป็นเพราะว่ามีจำนวณการสร้างไม่มาก

    เปิดให้บูชา 799 บาทค่าจัดส่ง 50 บาท
    IMG_20250630_161207_copy_758x1061.jpg IMG_20250630_161213 (1).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2025 at 07:28

แชร์หน้านี้

Loading...