เหรียญรุ่นแรกครูบาเที่ยงธรรมเหรียญรุ่นแรกลพ.เที่ยงเขากระโดง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754228419332.jpg

    พระชัยวัฒน์ยอดแก้ว วัดเกาะแก้วอรุณคาม จ.สระบุรี ปี2555 (ตำรับวัดสุทัศน์)
    ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง ปลุกเสก เนื้อทองทิพย์ ตำรับสมเด็จพระสังฆราชแพ ผสมชนวนเก่า สังฆราชแพ ๕.๕ กิโล ปี๔๕ พร้อมกล่องเดิม
    ในปี พ.ศ.2545 วัดเกาะแก้วอรุณคาม ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ได้จัดสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ขึ้นรุ่นหนึ่ง ชื่อรุ่นว่าพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ยอดแก้ว เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาศที่วัดเกาะแก้วมีอายุครบ 108 ปี โดยจัดสร้างพระกริ่งตามแบบฉบับของ สมเด็จพระสังฆราชแพปี พ.ศ. 2482 มาปั้นแบบพิมพ์ขึ้นใหม่ เนื้อทองผสม หล่อดินไทยแบบโบราณ ผสมชนวนก้นเบ้าพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ ตอกโค้ดยันต์โสฬสมงคล จำนวนสร้างทั้งหมด 9,999 องค์
    พิธีพุทธาภิเศก 3 วัน 3 คืน วันที่ 11 - 13 ก.ค. พ.ศ. 2545 ณ วัดเกาะแก้วอรุณคาม ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โดยพระเกจิอาจารย์ 108 รูปนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก ดังนี้
    1. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม กทม.
    2. พระพุทธวรญาณ วัดประยุรวงศาวาส กทม.
    3. พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.
    4. พระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.
    5. พระเทพวิสุทธิเมธี (หลวงพ่อเที่ยง) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.
    6. พระเทพโมลี วัดราชผาติการาม กทม.
    7. พระราชนันทาจารย์ (หลวงพ่อผล) วัดเวตวันธรรมาวาส กทม.
    8. พระราชพิพัฒน์โกศล (หลวงพ่อเณร) วัดศรีสุดาราม กทม.
    9. พระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยาราม กทม.
    10. พระราชประสิทธิวิมล (หลวงพ่อประจวบ) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.
    11. พระโสภณธรรมวงศ์ (หลวงพ่อทองสืบ) วัดอินทรวิหาร กทม.
    12. พระญาณโพธิ วัดอัมพวัน กทม.
    13. พระครูสุวรรณวัยวุฒิ (หลวงปู่ทอง) วัดจักรวรรดิราชาวาส กทม.
    14. พระครูนิพัทธ์ธรรมกิจ (หลวงพ่อแคล้ว) วัดบางขุนเทียนนอก กทม.
    15. พระครูสังฆรักษ์หลุยส์ วัดลาดบัวขาว กทม.
    16. ครูบาอินตา วัดมหาพฤฒาราม กทม.
    17. หลวงพ่อสง่า วัดใหม่เจริญราษฏร์ กทม.
    18. พระครูภัทรวิริยคุณ (หลวงพ่อถนอม) วัดสุทัศน์ กทม.
    19. พระมหาประดิษฐ์ ถิรธมโม วัดสุทัศน์ กทม.
    ...และพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน ๑๐๘ องค์
    พระกริ่งยอดแก้ว เป็นพระกริ่งในสายวัดสุทัศน์ ที่มีเจตนาการสร้างดี พิธีปลุกเสกและขั้นตอนการจัดสร้างดีมาก เพราะได้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( พุฒ สุวัฒนเถระ ปธ 7 ) วัดสุวรรณาราม กรุงเทพ เป็นองค์ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ในการจัดสร้าง " พระกริ่งยอดแก้ว " ซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นหนึ่งในศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพ ที่ใกล้ชิด ได้เรียนรู้วิชาการสร้างพระกริ่งและวิชาต่างๆจากสังฆราชแพ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ไม่ได้เก่งด้านปริยัติน่างเดียว มีศิษย์สายนี้กล่าวว่าพลังจิตของท่านเข้มแข็งมาก แม้แต่คุณชินพร สุขสถิตย์ ยังเลื่อมใส ในการสร้างพระกริ่งยอดฉัตร ท่านสมเด็จ เป็นองค์ประธานประกอบพิธีจารอักขระยันต์ หย่อนชนวนนวโลหะก้นเบ้าพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ , พระกริ่งพรหมมุณี และเททองหล่อ " พระกริ่งยอดแก้ว " เป็นปฐมมงคลฤกษ์ โดยมีพระเกจิคณาจารย์ 14 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต เมื่อวันมหาจักรี เสาร์ที่ 6 เมษายน 2545 เวลา 14.39 น. ณ มณฑลพิธีหน้าอุโบสถวัดเกาะแก้วอรุณคาม และมีจัดพิธีพุทธาภิเษกใหญ่อีกครั้งในวันเดือน กรกฏาคม 2545 มีพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังมาร่วม 108 องค์ พระกริ่งยอดแก้ว เนื้อนวโลหะพิเศษ หล่อดินไทยแบบโบราณ ชักเม็ดกริ่งในองค์ ก้นเป็นก้นถ้วย บรรจุเส้นเกศาสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม ผสมชนวนก้นเบ้าพระกริ่งรุ่นเก่าสมเด็จพระสังฆราชแพ และชนวนมวลสารอีกกว่า 1000ชนิด ตอกโค๊ตยันต์ปทุมคงคา และยันต์โสฬสที่ด้านหลัง มีหมายเลขกำกับ มีจารกำกับใต้ฐาน
    ประวัติโดยย่อ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นามเดิม พุฒ สุวัฒนกุล เป็นชาวอยุธยา เกิด วันที่ 11 มีนาคม 2450 เมื่ออายุได้ 16 ปี ได้เข้ามาเรียนนักธรรมที่วัดสุทัศน์ และได้บรรพชาเป็นสามเณรในปี 2467 ต่อมาได้บวชเป็นพระเมื่อปี 2471 ที่วัดบัวงาม อำเภอท่าเรือ อยุธยา โดยมี พระญาณไตรโลก(ฉาย) วัดพนัญเชิง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปัด วัดสะตือ พระอธิการอุ่น วัดหนองแห้ว เป็นกรรมวาจาจารย์ เมื่อบวชแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดสุทัศน์ เพื่อศึกษาวิชาและได้รับใช้สมเด็จพระสังฆราชแพ ในปี 2502 ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ในปี 2539 ท่านเป็นพระเถระที่มีอายุสูงถึง 102 ปี ได้มรณภาพเมื่อ 25 ม.ค. 2553
    สำหรับ พระกริ่งยอดแก้ว เนื้อนวะโลหะชั้นครู พิมพ์ใหญ่ สายวัดสุทัศน์โดยตรง สภาพสวยมากๆ จะหาพระกริ่งยุคหลังปี2500 ที่มีเนื้อหาเข้มขลัง ทำได้ตามตำรับแบบนี้หายากแล้วครับ ถ้าหาพระกริ่งสายวัดสุทัศน์รุ่นเก่าๆไม่ได้ บูชาพระกริ่งยอดแก้ว ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ) แทนได้เลยครับ
    หนึ่งศตวรรษพระกริ่งดินไทยตำรับวัดสุทัศน์เทพวราราม ที่มีเจตนาการสร้างดีพิธีและขั้นตอนการจัดสร้างเข็มขัง ซึ่งสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย ก.ท.ม. หนึ่งในศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพ เป็นประธานในการจัดสร้าง เททองหล่อ ผสมชนวนนวโลหะก้นเบ้าพระกริ่งสมเด็จสังฆราชแพ น้ำหนักกว่า 5 กิโลกรัม อย่างเต็มสูตรชนิดที่พระกริ่งรุ่นหลังๆ ของวัดสุทัศน์ก็ยังไม่มีผสมได้เท่าเทียม พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่โดยมีพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศร่วมนั่งปรกอธิฐานจิต ๑๐๘ รูป และยังได้รับความเมตตาปลุกเสกให้เป็นกรณีพิเศษจาก ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ พระกริ่งยอดแก้ว เนื้อนวโหละเต็มสูตร หล่อดินไทยแบบโบราณ ซักเม็ดกริ่งในองค์ ก้นเป็นก้นถ้วย มีจารมือ ภายในบรรจุเกศาสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม ตอกโค๊ตยันต์ปทุมคงคา และยันต์โสฬสด้านหลัง มีหมายเลขกำกับองค์
    พระกริ่งหลวงมหาไจยะเบงชร
    (พระกริ่ง ยอดแก้ว พ.ศ. 2545)
    สุดยอดพระกริ่งที่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งปลุกเสกอย่างทิ้งทวนและพิสดารที่สุด
    หากจะยังพอจำกันได้ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2544-2545 ผู้เขียนได้มีส่วนร่วมสร้างวัตถุมงคลสำคัญอยู่ 2 ชุด ซึ่งได้นำถวายให้ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ ปลุกเสก คือ
    1.พระกริ่งไจยะเบงชร ที่ระลึก 100 ปีเกิด ครูบาอิน
    2.พระกริ่งยอดแก้ว ที่ระลึก 108 ปี วัดเกาะแก้วอรุณคาม สระบุรี
    แต่พระกริ่งยอดแก้วนี้ นับเป็นพระกริ่งรุ่นสำคัญสุดยอดอีกรุ่น ที่อาจจะกล่าวได้ว่า นอกจากครูบาอิน จะเสกให้อย่างดีเยี่ยม
    และพิสดารสุดยอด (ทั้ง “โดยตรง”และ “โดยญาณ” ) แล้ว เนื้อหามวลสารก็ยัง “พิเศษสุด” อย่างไม่อาจจะหาใดมาเทียมทันอีกต่างหากด้วยแม้แต่พระกริ่งไจยะเบงชรเอง ก็ไม่มีเหมือนกันด้วย
    เพราะนอกจากจะมี “หัวชนวน”พระกริ่งไจยะเบงชร ที่ผู้เขียนนำมาร่วมเททองหล่อหลอมด้วยแล้ว ก็ยังได้ผสม “นวโลหะก้นเบ้า สมเด็จพระสังฆราชแพ”แท้ๆ น.น.กว่า 5.5 กิโลกรัม เข้าร่วมด้วยอย่างเต็มสูตร ชนิดที่พระกริ่งรุ่นหลังๆของวัดสุทัศน์เอง ก็ยังไม่มีผสมได้เทียมเท่าเพราะชนวนก้นเบ้าที่ว่านี้ ได้รับมาจาก “พระราชวิสุทธาจารย์”หรือ “เจ้าคุณแป๊ะ” อดีตพระฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชแพ ผ่านท่านพระครูสุวัฒนประสิทธิ เจ้าคณะในวัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของวัดเกาะแก้วอรุณคามมาแต่เดิมนั่นแล
    ทำพิธีเททองเป็นปฐมฤกษ์โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ) วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย กทม. ศิษย์สายตรงองค์สุดท้ายของสมเด็จพระสังฆราชแพอีกต่างหากไม่ “สุดยอด”ในคราวนี้ จะให้ไปสุดยอดในคราวไหนกันอีกเล่า???นอกจากพระกริ่งยอดแก้วนี้ จะได้ประกอบมหาพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดถึง 3 วัน 3 คืนเต็มๆแล้ว ผู้เขียนก็ยังได้นำพระกริ่งไปขอให้ครูบาอิน ปลุกเสกเดี่ยวถึงจังหวัดเชียงใหม่ด้วยส่วนหนึ่งซึ่งครูบาอินท่านก็เมตตานั่งปรกให้นานถึง 45 นาทีด้วยกันนับว่า “นานสุดๆ”แบบทิ้งทวนกันเลยทีเดียวและในการนี้ ก็ได้ปรากฏแสงปาฏิหาริย์สีขาวพุ่งลงมาจากเบื้องบน จับภาพเห็นได้ถนัด น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
    มิหนำ สุดท้ายก่อนกราบลา ผู้เขียน ก็ยังได้อาราธนาครูบาอินท่าน ได้แผ่เมตตา “เดินญาณ”มาปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเศกใหญ่ที่อุโบสถ วัดเกาะแก้วอรุณ คามซ้ำอีก 3 วันซ้อนๆ เฉกเช่นเดียวกับที่ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส เคยกระทำมาแต่ก่อนอีกต่างหาก ซึ่ง “ครูบาฟ้าหลั่ง” ก็ส่งเสียง “อือ” ตอบรับโดยอาการดุษณีภาพ เพียงเท่านี้ก็ “เพียงพอ”แล้ว
    เพราะ “เชื่อมือ”ท่านอย่างหมดใจว่า ระดับครูบาอิน ที่แม้แต่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร หรือครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้มยังนับถือยกย่องนั้น เรื่องเดินญาณเสกของแค่นี้ บอกได้คำเดียวว่า “ส.บ.ม.ย.ห.”อย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆเพราะการ “เดินญาณ”นั้น พระระดับอริยะอย่างหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ก็ยังกล่าวไว้เลยว่า“พลังจิต ไม่จำต้องเดินตามสายสิญจน์เหมือนที่บางคนเข้าใจ แต่อยู่ที่กำหนดต่างหาก หาไม่แล้ว ตัวอยู่เชียงใหม่ จะส่งจิตไปเสกที่กรุงเทพได้หรือ..???”และที่สุด พระอัจฉริยเจ้าชั้นอ๋องอย่างครูบาชัยวงศ์ ก็ยังรับรองไว้เช่นกันว่า “เอามาเสกต่อหน้า หรือเดินญาณไปเสก มีค่าเท่ากัน...!!!!”
    แต่..... “พระ”ที่อาจทำได้เยี่ยงนี้ ต้อง “สุดๆ”อย่างแท้จริงเท่านั้นหาไม่แล้ว ต่อให้เอามา “เสกต่อหน้า” ก็คงต้องให้ “เปิดถุง”ออกก่อน เพราะกลัวพลังจิตจะพุ่งทะลุถุงพลาสติกไปไม่พ้นกันวุ่นวายหรอกนะขอรับคริๆๆๆๆๆๆ......และ “ผล” ก็ปรากฏให้เป็นที่ “ประจักษ์”อย่างน่าตื่นตะลึง
    เพราะให้พิธีพุทธาภิเษกนั้น ได้ปรากฏ “ฝนตก”ลงมาในเขตวัดอย่างปรอยๆเหมือนหนึ่ง”พรมน้ำมนต์” ทั้ง 3 วัน ในขณะที่บริเวณรอบๆวัด ฝนตกอย่างถล่มทลายแทบจะไม่มีดีเหมือนมีใครมา “กั้น”หรือ “อั้น”ฝนไว้มิให้ “พิธีเสีย”อย่างนั้น“ผิดสังเกต”จนพระที่มาในงานถึงกับออกปากเลยทีเดียวว่า“แปลกจังเลย ขณะที่เดินทางมานี้ ฝนข้างนอกตกหนักจนบรรยายแทบไม่ถูก แต่พอมาถึงพิธีกลับมีฝนแค่ปรอยๆเท่านั้น น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ”เมื่อได้ฟัง ก็นึกได้เลยทีเดียวว่า งานนี้ “ครูบาอิน”ท่านมาทำให้แน่ๆเพราะทราบเป็นการภายในว่า ครูบาอินนั้น ท่านเก่ง “ธาตุน้ำ”อยู่แล้วและฉายาเดิมของท่านก็คือ “ครูบาฟ้าหลั่ง” (ฝนกระหน่ำ) อีกนั่นด้วยครูบาอิน “มา “ ฝน ก็ “มา”ถือเป็นเรื่อง “ธรรมดา”มากๆและเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ก็ลองให้ “อาจารย์” ผู้สำเร็จสมาธิชั้นสูงลองสัมผัสพลังภายในดูโดยมิได้บอกกล่าวว่ากระไร ก็ต้องแก่การแปลกใจหาน้อยไม่ว่า
    “พระกริ่งรุ่นนี้ ดีรอบด้าน พลังวิจิตรพิสดารมาก มีพระคณาจารย์ปลุกเสกเยอะมาก ชนวนก็ดีด้วย ...”แต่....“พลังที่ในพระกริ่งองค์นี้ ทำไมถึงเหมือนเป็นพลังของครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งโดดเด่นออกมาเป็นพิเศษเลยทีเดียวนะ แปลกมากๆ..!!???”อ้าว........ทำไม่จะ “โดดเด่น”ได้เล่า..????ชนวนของท่านก็ “มี”และ “พลังจิต”ครูบาอินท่าน “ล้อเล่น”เสียเมื่อไรมิหนำ ท่านยัง “เดินญาณ”มาทำให้ถึง 3 วันซ้อนๆ
    พระกริ่งยอดแก้วนี้ หากจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็นับเป็นพระกริ่งใหญ่(สุด)ของท่านก็ว่าได้ไม่ผิดคำเลยเทียวการเสก ท่านก็เสกให้แบบทิ้งทวนและพิสดารกว่า ปกติด้วยเหตุนี้ “พลัง” ในพระกริ่งยอดแก้วนี้ จะไม่โดดเด่นทนไหวล่ะหรือและเพราะเหตุที่ “พระกริ่งยอดแก้ว”นี้ เป็นพระกริ่งขนาดใหญ่ ล่ำบึ้กกว่าพระกริ่งไจยะเบงชร ชุดแรกมาก เนื้อหามวลสารก็ “แน่นเอี้ยด”กว่า ประกอบกับเป็นพระกริ่งที่ครูบาอินท่านตั้งใจ “ทำ”ฝากไว้ให้อย่าง “ทิ้งทวน” ให้หลายครั้งหลายวาระ ทั้ง “โดยตรง”และ “โดยญาณ”อย่างว่าเยี่ยงนี้อีกต่างหาก ผู้เขียนจึงไม่ลังเลใจที่จะขนานสมัญญาพระกริ่งยอดแก้วนี้ในอีกมิติหนึ่งว่า “พระกริ่งหลวงมหาไจยะเบงชร” อันสุดยอดที่สุดของครูบาอิน อินโท วัดทุ่งปุย-ฟ้าหลั่ง ไปอย่างที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ใครที่เคยได้สั่งจองบูชาไว้แล้ว ก็ขอให้จงรักษาไว้ให้ดีที่สุดเถิด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระชัยวัฒน์ยอดแก้ว

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250803_203815.jpg IMG_20250803_203837.jpg IMG_20250803_203900.jpg IMG_20250803_203751.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2025 at 23:12
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754229159541.jpg

    ระหว่างที่หลวงปู่ปลุกเสกหมูทองแดงร่วมกับพระที่ี่นิมนต์มาเจริญพุทธมนต์อยู่ในโบสถ์นั้นมีชาวบ้านเห็นหมูวิ่งเข้าไปในโบสถ์ขณะที่พระสงฆ์กำลังปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ทั้งๆที่รอบโบสถ์ด้านนอกปิดกั้นอย่างดีไม่ให้
    ใครเข้าไปรบกวน
    ประวัติหลวงปู่เส็ง วัดบางนา สุดยอดพญาครุฑอันดับต้นของเมืองไทย
    หลวงปู่เส็งเป็นพระปฏิบัติท่านมักจะออกธุดงค์ไปปริวาสกรรมทุกปีมิได้ขาดมีปฏิปทาใน ทางสมถะหมั่นบริกรรมภาวนาเจริญพระคาถาวิชาต่างๆ
    เล่ากันว่าเวลาว่างจากงานที่ต้องกระทำ ท่านจะนั่งนับลูกประคำที่คล้องคออยู่บริกรรมพระคาถาตลอดเวลา หลวงปู่เป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยพูดว่ากล่าวผู้ใด
    หลวงปู่เส็งเป็นสมภารปกครองวัดเรื่อยมา จนกระทั่งอายุ 65 ปีท่านจึงเริ่มทำวัตถุมงคล
    การทำวัตถุมงคลครั้งแรกนั้น ท่านสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของวัดบางนา ในปี พ.ศ.2510 หลังจากสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้นออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาแล้ว ในปีนั้นเองหลวงปู่ก็ทำเหรียญรูปอาร์ม หรือใบเสมาคว่ำเป็นรุ่นแรกออกมาอีก และนับแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมาหลวงปู่เส็งก็สร้างวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆออกมามากมายแทบจะนับ
    รุ่นกันไม่ได้เลยทีเดียว
    หลวงปู่สร้างวัตถุมงคลทุกปีๆหนึ่งสร้าง 2-3 แบบจนกระทั่งท่านมรณภาพในปี พ.ศ.2530 รวมระยะเวลาการทำวัตถุของหลวงปู่เส็ง 20 ปี และวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกรุ่นทุกแบบก็มีผู้เลื่อมใสหามาพกติดตัวและบูชากันมากมาย
    วัตถุุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้น ออกไปในทางแคล้วคลาดเมตตามหานิยม และการค้าขายดีเยี่ยม วัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งรุ่นนิยมเท่าที่พอลำดับความได้มีดังนี้
    พระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกจัดสร้างปี 2510 ผงที่นำมาสร้างเป็นผงอิทธิเจซึ่งจะโน้มไปในทางเมตตามหานิยม และค้าขาย พระผงสมเด็จ 3 ชั้นรุ่นแรกด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธรูปพระประธานนั่งสมาธิ มีซุ้มครอบแก้วด้านหลังเป็นลายมือเขียนว่า พระครูเส็ง บางองค์เขียนว่า เส็ง และบางองค์ก็เขียนว่า พระครูเส็ง จันทฺรังสี แล้วแต่ว่าหลวงปู่จะเขียนอะไรคำไหน แต่ส่วนใหญ่จะทำเป็นแบบพิมพ์เป็นบล็อคใช้กดลงไปบนหลังพระเวลากดพิมพ์
    เนื้อพระมีทั้งเนื้อน้ำมัน ลักษณะพระจะออกแกร่งมันกับสูตรผสมเนื้อกล้วยพิมพ์ออกมามีทั้งหมด 5 สี คือ สีดำ เหลือง เขียวแดง และ ขาวพอทำเสร็จหลวงปู่ก็ปลุกเสกเดี่ยวแล้วออกแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ไปหาท่าน บางรายนำพระพกติดตัวไปประสบอุบัติเหตุเกิดแคล้วคลาดอย่างเหลือเชื่อกิตติศัพท์พกพระหลวงปู่เส็งแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุมีบ่อยครั้งมากจนกระทั่งเลื่องลือไปทั่ว
    พุทธคุณพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของหลวงปู่เส็งเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเป็นเลิศหลังทำพระผงรุ่นแรกทิ้งช่วงปลายปีท่านก็ทำเหรียญรุ่นแรกออกมาเป็นเหรียญใบเสมาคว่ำมีทั้งเนื้อกะไหล่ทองเงิน
    และทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์มีอักษรเขียนว่า อาจารย์เส็ง ด้านหลังเป็นยันต์ใต้ยันต์มีอักษรระบุชื่อวัดบางนา พ.ศ.2510 ปีที่จัดสร้างและพระผงที่ทำออกมานั้นส่วนใหญ่จะบรรจุตะกรุดสาริกาดอกเล็กๆ ไว้ที่ฐานด้วยเพื่อเสริมพุทธคุณ
    การทำพระเครื่องของหลวงปู่เส็งจนถึงปี 2512 หลวงปู่จะเอาพระเครื่องที่ทำออกมาไปปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ ถ้าเป็นเหรียญท่านจะทำพิธีพุทธาภิเษกนิมนต์พระระดับเจ้าอาวาส ละแวกวัดบางนามา
    เจริญพุทธมนต์ด้วย หลังจากปี 2512 การทำวัตถุมงคลหลวงปู่จะจัดพิธีพุทธาภิเษกในอุโบสถตลอด
    พระผงรุ่นที่โด่งดังมากก็คือ รุ่นขี่หมูซึ่งรุ่นนี้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่เป็นคนจัดสร้างขึ้นมานำไปให้หลวงปู่ทำพิธีพุทธภิเษกแล้วก็มอบพระให้หลวงปู่ไว้จำนวนหนึ่ง บรรดานักเล่นพระนิยมกันมาก
    สำหรับวัตถุมงคลรูปแบบต่างๆ นั้นครั้งแรกหลวงปู่จัดสร้างหมูทองแดงในปี 2522 สาเหตุการจัดทำหมูทองแดงของหลวงปู่เส็งนั้นสืบเนื่องมาจากในตำนานกล่าวกันว่าหมูทองแดงตามป่าเขาที่เป็นหมูเขี้ยวตันนั้นปืนยิงไม่เข้าหลวงปู่ก็เลยคิดทำวัตถุมงคลเป็น
    หมูทองแดงเขี้ยวตันขึ้นมา เล่ากันว่าระหว่างที่หลวงปู่ปลุกเสกหมูทองแดงร่วมกับพระที่ี่นิมนต์มาเจริญพุทธมนต์อยู่ในโบสถ์นั้นมีชาวบ้านเห็นหมูวิ่งเข้าไปในโบสถ์ขณะที่พระสงฆ์กำลังปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ทั้งๆที่รอบโบสถ์ด้านนอกปิดกั้นอย่างดีไม่ให้
    ใครเข้าไปรบกวนสมาธิขณะที่พระสงฆ์กำลังเจริญพระพุทธมนต์ และบริกรรมปลุกเสก
    วัตถุมงคลหลังเสร็จพิธีคนที่พบเห็นเข้าไปบอกหลวงปู่ ท่านก็เฉยๆ แถมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีท่านไม่ได้พูดอะไรแต่รับฟังเอาไว้ ครั้นเมื่อทำหมูทองแดงออกมาแจกกันเป็นที่ฮือฮาพอสมควรหมูทองแดงที่สร้างนั้นเป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ มีหมูทองแดงตัวใหญ่และเล็กข้างลำตัวซ้ายมีอักษรเขียนว่า วัดบางนา ปทุมธานี ข้างลำตัวด้านขวาเป็นอักขระขอมมียันต์ที่โคนขาทั้ง 4 ลักษณะเป็นหมูป่าเขี้ยวตัน และในปี 2524 หลวงปู่เส็งได้จัดสร้าง ทำหมู 7 หัวขึ้นมาเป็นลักษณะหมูป่าเขี้ยวตัน คู้ขาหมอบที่เรียกว่า 7หัวนั้นหมายถึงหัวของปลัดขิกที่ทำไว้ตามลำตัวมี 7 แห่ง คือที่หัว หาง ที่เพศและที่ปลายเท้าทั้งสี่ข้าง เป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ ข้างลำตัวด้านซ้ายระบุปีพ.ศ.ที่จัดสร้างคือปี 2524 นอกจากนี้หลวงปู่เส็งได้ทำหมูจัมโบ้ ขนาดใหญ่ออกมาอีก 1 รุ่นหมูทองแดงรุ่นแรกทำออกมาแค่ 2,500 ตัวเท่านั้นพุทธคุณไปในทางแคล้วคลาดและค้าขาย
    หลังจากทำหมูทองแดงออกมาหลวงปู่ก็จัดทำครุฑทองแดงซึ่งครุฑเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ จัดทำพิธี
    พุทธาภิเษกในโบสถ์มีพระอาจารย์มาร่วมบริกรรมพุทธคุณอีก 10 รูป ครุฑทองแดงด้านหลังเขียนว่า หลวงปู่เส็ง วัดบางนาปทุมธานี 2522 สลับกับอักขระขอมประสบการณ์มีผู้นำติดตัวไปแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางรถ และทางเรืออีกทั้งยังป้องกันภัย จากงูเงี้ยวเขี้ยวขอดีนัก
    ต่อมาหลวงปู่จัดสร้างรูปเหมือนหนุมานเหตุผลที่จัดทำนั้นท่านถือว่าหนุมานเป็นลิงประจำปีวอกและด้วยหนุมานเองก็เป็นศิษย์ของพระนารายณ์
    ์มีอานุภาพฤทธิ์เดชมากมาย ที่จัดทำไว้มีเนื้อกะไหล่เงินและทองแดง ไม่ระบุปีจัดสร้างจาก หมู ครุฑ หนุมาน ต่อมาท่านก็สร้างพญาเต่าเลือนเนื้อทองแดงผสมโลหะแล้วจัดสร้างหงส์ทอง หงส์เงิน อีก 1 ชุด เนื้อกะไหล่ทองและกะไหล่เงินทำเพื่อเป็นที่ระลึกว่าวัดบางนานั้นเป็นวัดที่ชาวรามัญสร้างขึ้นมา
    นอกจากวัตถุมงคลรูปแปลกๆ แล้วหลวงปู่ยังสร้างพระกริ่งรูปเหมือนท่าน มีทั้งแบบหลังตรงและหลังค่อม เนื้อทองแดงผสม สร้างพระปิดตาเนื้อทองเหลืองผสม สร้างเหรียญรูปไข่ รุ่นขี่วัวเนื้อทองแดงผสม สร้างเหรียญจอบรูปหลวงปู่มีทั้งจอบเล็กและจอบใหญ่ สร้างเหรียญหยดน้ำเนื้อทองแดงผสมสร้างรูปหล่อเนื้อผงปิดทอง ที่กล่าวมานี้เป็นวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆที่หลวงปู่สร้างขึ้นมา
    ส่วนรุ่นใหม่ๆ ก็มีหลายสิบแบบมีทั้งนางกวักพระผงพิมพ์สมเด็จ พระผงปิดตา เรียกว่าการจัดทำวัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้นมากมายจริงๆ ถ้าหากวัตถุ มงคลใดไม่ระบุพ.ศ. เอาไว้แทบจะไม่ทราบกันเลยว่าหลวงปู่จัดสร้างในพ.ศ.อะไรเพราะไม่มีการบันทึกเอาไว้ และก็ทำออกมามากแบบ สำหรับเงินรายได้ที่ มีผู้นำมาบริจาคหรือเช่าวัตถุมงคลนั้น หลวงปู่นำเงินไปสร้างวัดวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
    ส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งท่านก็ทำนุบำรุงหมู่กุฏิเสนาสนะ
    วัดบางนาที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดีขึ้น สาเหตุที่หลวงปู่ไปสร้างวัดวังหินอีกแห่งหนึ่งนั้นก็เนื่องจากท่านเห็นว่าสมัยนั้นชาวบ้านยากจนมากถิ่นที่อยู่ก็ทุรกันดารเป็นแหล่งหลบซ่อนของเหล่าเสือปล้นหลวงปู่เกรงว่า
    ชาวบ้านและลูกหลานจะมีนิสัยดุร้ายกันไปหมดจึงไปสร้างวัดให้เพื่อบรรเทาจิตใจให้ร่มเย็นลงบ้างเพื่อให้ธรรมะได้เข้าถึงจิตใจลูกหลานและผู้ที่คิดกลับตัวกลับใจหันมาบวชเรียนทำให้ผู้คนมีศีลธรรมขึ้น
    พอท่านสร้างวัดวังหินเสร็จวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2531 หลวงปู่เส็งผู้ที่เป็นประดุจเทพเจ้าของชาวรามัญย่านวัดบางนาก็ถึงแก่มรณภาพลงรวมอายุได้ 87 ปี
    ท่านสิ้นลมอย่างสงบที่โรงพยาบาลคุ้มเกล้า ตึกคุ้มเกล้าครั้นเมื่อหลวงปู่มรณภาพลงท่านพระครูอนุกูลศาสนกิจหรือหลวงพ่อแสวง ก็ขึ้นเป็นสมภารแทนท่านก็ทำนุบำรุงวัดเอาวัตถุมงคลหลวงปู่เส็งมาจำหน่ายจ่ายแจกรายได้สร้างวัดยุคของหลวงพ่อแสวง เป็นยุคของการพัฒนาวัดอย่างจริงจังไม่มีการออกวัตถุมงคลจะมีออกเหรียญรูปไข่ในงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อแสวงที่ได้เลื่อนเป็นพระครูชั้นโทเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ปี 2535 เสร็จสิ้นงานฉลองไม่นานหลวงพ่อแสวงก็มรณภาพเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปลายปีนั้นเอง รวมอายุ 70 ปี
    เมื่อสิ้นหลวงพ่อแสวงพระอธิการยงยุทธ ยโสธโร ก็ขึ้นเป็นสมภารปกครองวัดสืบมาจนทุกวันนี้วัดบางนาตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพธิ์เหนือ หมู่1 อำเภอสามโคก หน้าวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ไปวัดบางนาและไปกราบศพหลวงปู่เส็งที่ไม่เน่าไม่เปื่อยในโลงแก้วทางวัดสร้างวิหารติดริมแม่น้ำไว้เก็บสรีระของหลวงปู่เป็นสัดส่วนให้ไปขอพรขอโชคลาภจาก
    หลวงปู่
    เว็บนิตยสารมงคลโสฬส

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลขึ้นมาอย่างสูงครับ

    พระสังกัจจายน์ หมูทองแดงมหาลาภฝังตะกรุด ๓ ดอกให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250803_204848.jpg IMG_20250803_204920.jpg IMG_20250803_204945.jpg IMG_20250803_204812.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2025 at 08:31
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    [​IMG] [​IMG]

    เหรียญโพธิสัมภารานุภาพ วัดถ้ำโพธิสัตว์ จังหวัดสระบุรี สร้างและปลุกเสกโดยอาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ ฆราวาสผู้ทรงคุณอันวิเศษ เหรียญรุ่นนี้เน้นไปทางด้านปราบทุกข์เข็ญ ปราบศัตรูผู้คิดร้าย เป็นไปตามชื่อรุ่น “มารสยบ”
    อาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ เกิดเมื่อ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๗๗ ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ครับ ท่านเป็นบุตรแฝดคนสุดท้องของคุณพ่อสิน-คุณแม่แดง แขวัฒนะ
    อาจารย์บุญเพ็ญ เริ่มรับราชการที่กรมตำรวจเมื่อ ๓ มกราคม ๒๕๐๔ ตำแหน่งสุดท้ายได้รับพระราชทานยศเป็น พ.ต.อ.(พิเศษ) ตำแหน่ง รอง ผบก.(กอ.รมน.) กพ. ทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติราชการพิเศษ กอ.รมน. ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ ท่านได้เริ่มบุกเบิกสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ที่บ้านลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี โดยท่านได้รักษาคนเจ็บไข้และทุกข์ร้อนสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ยกเว้นวันพระ
    ในปี ๒๕๑๙ ท่านได้ปิดสำนัก และมาเปิดใหม่ที่ลาดพร้าวและที่บ้านถนนวิภาวดีรังสิต
    ลูกศิษย์รุ่นเก่า (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้เล่าให้ผมฟังว่า นอกจากอาจารย์บุญเพ็ญจะรักษาโรคให้หายได้อย่างอัศจรรย์ใจแล้ว ท่านยังสามารถติดต่อและทำพิธีเชิญเจ้ากรรมนายเวร ให้เข้ามารับการขอขมาและขออโหสิกรรมในอดีตกาลได้อีกด้วย แกว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์บุญเพ็ญหลายท่านที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยพิธีกรรมดังกล่าวข้างต้น แกว่าบางคนได้เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศ เอ่ยชื่อไปรับรองต้องร้องเสียงหลง และแม้กระทั่ง มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมท ก็ยังให้ความเคารพนับถือในตัวของท่าน
    อาจารย์บุญเพ็ญถึงแก่กรรมเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๒ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สิริรวมอายุได้ ๕๕ ปี ตรงตามที่ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ของท่านเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าท่านจะไปเมื่ออายุ ๕๕ ปี
    ในส่วนวัตถุมงคลของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรมนั้น ต้องบอกว่าทุกครั้งที่สร้างจะมีการกำหนดและมีการประกอบพิธีกรรมที่ลึกล้ำและยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ที่ดูและเห็นด้วยตา อย่างการกำหนดฤกษ์ (ตามภาพประกอบ) หรือจะเป็นเรื่องเหนือโลก อย่างการเปิดตาที่สามเพื่อติดต่อหรืออัญเชิญ ล้วนมีส่วนส่งเสริมให้พุทธคุณของเหรียญแต่ละรุ่นโดดเด่นและแตกต่างกันอย่างชัดเจน ประมาณว่าเลือกแขวน เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยครับ
    ปัจจุบัน “เหรียญองค์ประธานแห่งไตรภพ ปี ๒๕๑๓” ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ถูกจัดเป็นของหายากและได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากครับ
    เหรียญมารสยบ ถ้ำพระโพธิสัตว์
    หนึ่งในตำนานฆราวาส
    อาจารย์ พันตำรวจเอก( พิเศษ)
    บุญเพ็ญ แขวัฒนา
    สื่อญาณ พระพรหม ช่วยเหลือ คนมานักต่อนัก
    พระพรหม มา แล้ว เสด็จมา ยก หนุน ดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ ดวงดีแล้วจะ ร่ำรวย ดวงชะตาโดดเด่น เกิด ตบะเดชะ มหาอำนาจ บารมี พ้นปัญหาอุปสรรค มากีดกั้นขัดขวาง
    โบราณว่า “ คนลิขิต ไม่เท่าฟ้าลิขิต ” พลังฟ้าประทาน อยู่ในองค์ พระพรหม อมตมหาเทพ...องค์นี้ พระพรหม โบราณย้ำ นักหนาว่า ใครใช้ จะได้พรอันประเสริฐ ลิขิตดวงชะตา ลิขิตอำนาจ วาสนา พาไปเจอแต่สิ่งดีๆ
    พระพรหม...เอาไว้เสริมดวง เสริมหน้าที่ การงาน เอาไว้กันไว้แก้ดวงตก ไว้ยกดวงแตก ดวงไม่ดี ดวงชง ทำมาหากินไม่เจริญก้าวหน้า
    เหรียญพระพรหม นี้ ที่ อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ทำพิธี อัญเชิญมา เพื่อสงเคราะห์ ดวงชะตา ยก หนุน ค้ำจุน ดวงชะตาให้ ดีเลิศประเสริฐศรี เมื่อดวงดีแล้ว ทำอะไรก็สำเร็จ จับอะไรก็สมหวัง มีแต่ เกิด สิริมงคล เพิ่มทรัพย์สมบัติ ยศ อำนาจ
    พระพรหม จะช่วย ตัดกรรมหนักที่มาลิดรอนให้ลดทอนอำนาจลงไปก่อน ให้ผู้บูชา ได้ทำบุญ ทำกุศลก่อน ได้เสวยผลแห่งบุญ ทานที่ทำไว้ก่อน เมื่อกรรมไม่มารอน ได้เสวยบุญทาน ที่ทำที่สร้าง ย่อมเป็นมานะให้ สร้างบุญดี กรรมดี ต่อไป กรรมเก่าที่จะมา ก็ไม่มีทางจะซ้ำ ไม่มีช่องจะโผล่ให้ผล
    แต่พระพรหม จะช่วยยก
    ดวงศิษย์ที่แตก ที่ตก ให้ขึ้นมาอยู่เหนือคนอื่นดุจยืนอยู่บนแผ่นดินที่ทับถม สูงกว่าเขา
    ท้าวมหาพรหมธาดาวิมเหศวร ท่าน
    อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ชุด พระพรหม , สยบมาร สำเร็จ สมปรารถนา ท่าน อ.บุญเพ็ญ แขวัฒนา ฆราวาสสายเทพ สำเร็จวิชาพรหมศาสตร์ รักษาโรค รู้กรรม คลายทุกข์ อาจารย์ของ เหล่า ไฮโซ นักการเมือง คนดัง สมัยนั้น ขลังจริงไม่อิงนิยาย
    พันตำรวจเอก (พิเศษ) บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    ผู้เพ่งเสียงค่ำครวญ จากสรรพสัตว์
    สำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม
    (ตอนที่ ๑)
    อาจารย์บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    เป็นอาจารย์ฆราวาส
    ร่วมยุคสมัยเดียว กับ อาจารย์ชุม ไชยคีรี,
    อาจารย์ทองแถม ศาสตระรุจิ ฯลฯ
    สมัยที่อาจารย์ยังมีชีวิต ท่านได้รับคำยกย่องและความเชื่อถือในเรื่องของ
    คุณธรรมและ ความมหัศจรรย์ทางจิต
    ในส่วนคำสอน อาจารย์บุญเพ็ญได้เน้นปฏิบัติจนตกผลึกออกมาเป็นบทความทางศาสนาหลายต่อหลายเรื่อง อย่างเช่น การปฏิบัติอานาปานสติสมาธิ,คุณค่าชองสติ ฯลฯ
    ในด้านความมหัศจรรย์ของจิต ท่านสามารถรักษาโรค,รักษาคุณไสย ร่วมไปถึงการหยั่งรู้อดีต อนาคต ความเป็นไปต่างๆ ตลอดจนการเปิดตาทิพย์หรือตาที่สามให้กับสานุศิษย์ผู้นับถือใช้ติดต่อกับวิญญาณไปจนถึงพวกเทพพวกพรหมครับ
    เรื่องราวความสามารถเฉพาะตัวของ
    อาจารย์บุญเพ็ญ ข้างต้น ทำให้มีผู้คนมากมายต่างตรงเข้าไปปฏิบัติธรรม และขอความช่วยเหลือจากท่านครับ
    พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช (ยศในสมัยนั้น) ได้เขียนบันทึกเรื่องราวของตัว ท่านกับ
    อาจารย์บุญเพ็ญ
    ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมว่า
    บทความของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ อันนี้ถือเป็นการบอกเล่าตัวตนของอาจารย์บุญเพ็ญ
    และบริบทในสมัยนั้นได้ดีมาก
    บทความนี้อาจจะยาว แต่เชื่อเถอะครับ ว่าประโยชน์มีกับท่านที่สนใจแน่นอน
    เรื่องมีอยู่ว่า
    ผม (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) ได้รู้จักกับ
    อาจารย์บุญเพ็ญมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
    นับตั้งแต่วันที่รู้จักก็ได้มีความเคารพนับถือรักใคร่ในตัวอาจารย์บุญเพ็ญ ตลอดมา
    มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่เขาเคารพนับถืออาจารย์บุญเพ็ญ เอามากๆ เพราะเขาเห็นว่า
    "อาจารย์บุญเพ็ญเป็นผู้วิเศษสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แสดงอิทธิ ปาฏิหาริย์ต่างๆ อีกได้มาก"
    คนที่นับถืออาจารย์บุญเพ็ญ เช่นนี้มิใช่เพียงคนสองคน แต่จะมีเป็นจำนวนร้อยหรือพันอย่างไร
    ผมก็คะเนไม่ถูก ทราบได้แต่ว่ามากเหลือเกิน
    คนที่นับถืออาจารย์บุญเพ็ญ
    ในแบบนี้ เวลาพบกับอาจารย์บุญเพ็ญ
    ก็มักจะลงหมอบกราบ และหมอบคลานเหมือน
    อยู่กับพระภิกษุผู้เป็นพระอาจารย์
    หรือต่อหน้าเจ้านายที่เขาเคารพนับถือ
    ผมเอง (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) รู้จักอาจารย์บุญเพ็ญ
    ด้วยเหตุที่ธรรมดาสามัญ ไม่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ หรือมิได้ตั้งใจที่จะไปขอให้
    อาจารย์บุญเพ็ญแสดงอิทธิ ปาฏิหาริย์เพื่อรักษาโรคให้ผม หรือเพื่อเหตุอื่นใดก็ดีแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นการพบปะระหว่างคนสองคนที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อกัน มีความหวังดีเจตนาดีต่อกันเป็นอย่างยิ่ง
    คึกฤทธิ์ ปราโมทย์
    ของมงคลคู่คนมีบุญ
    ....
    ....
    ศิษย์กวง
    26 ธันวาคม 2019 ·
    พันตำรวจเอก (พิเศษ) บุญเพ็ญ แขวัฒนะ
    สำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม
    (ตอนจบ-ผู้เพ่งเสียงคร่ำครวญมวลสรรพสัตว์)
    ต่อหน้าลูกศิษย์และคนที่นับถืออีกเป็นจำนวนมากมายหลายร้อยคนนั้น อาจารย์บุญเพ็ญจะแสดงตัวหรือแสดงกิริยาท่าทางอย่างไรผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็น
    เรื่องด้วยวันที่อาจารย์บุญเพ็ญกำหนดให้มีคนเข้าไปหาเพื่อแก้โรคหรือทุกข์ร้อนให้ได้นั้นเป็นวันที่ผมไม่เคยไปพบกับอาจารย์บุญเพ็ญสักครั้ง ผมไปพบแต่เมื่ออาจารย์บุญเพ็ญว่างการงานในทางนี้ได้อยู่อย่างสบายใจ จึงจะไปคุยกันด้วยความสบายใจทั้งสองฝ่าย
    สิ่งที่ผมรักและนับถืออาจารย์บุญเพ็ญมากก็คือความบริสุทธิ์ในวาจาและความคิดเห็น อาจารย์บุญเพ็ญเป็นคนง่ายไม่มีเรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรทั้งสิ้น จะพูดจากับอาจารย์บุญเพ็ญไม่ต้องระแวงว่าอาจารย์บุญเพ็ญจะโกหกหรือมีความหมายอย่างอื่นใดเกินไปกว่าที่พูด และก็สบายใจอีกอย่างหนึ่งที่ตัวผมเองไม่ต้องแม้แต่คิดว่า จะต้องโกหกอาจารย์บุญเพ็ญด้วยเรื่องใดๆ เป็นอันว่าพบกันครั้งใดคุยกันครั้งใด ก็คุยกันด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องในใจทั้งสองฝ่าย
    คนที่มีฤทธิ์อำนาจมาก มีคนนับถือมากมายอย่างอาจารย์บุญเพ็ญนั้น ท่าทางกิริยาก็จะต้องเปลี่ยนไปบ้างให้ผิดจากคนธรรมดาหรือไม่เหมือนธรรมดา แต่อาการเช่นนี้ไม่มีในตัวอาจารย์บุญเพ็ญเลย
    อาจารย์บุญเพ็ญเป็นคนที่มีการศึกษาแผนปัจจุบัน เพราะเคยไปร่ำเรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียถึงสิบปี เวลาจะพูดอะไรกับผม อาจารย์บุญเพ็ญก็เป็นคนอย่างนั้นมิได้มีสิ่งอื่นเข้ามาแทรกแซงทำให้ผิดปกติไป ที่สำคัญก็คือเวลาผมไปคุยกับอาจารย์บุญเพ็ญนั้น ผมสามารถที่จะพูดจาได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องปิดบังเคลือบแฝงหรือเสแสร้งทำให้ตัวผมเองกลายเป็นคนอื่นไป
    ด้วยเหตุนี้ผม (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์) จึงมีแต่ความสบายใจทุกครั้งที่ได้พบกับอาจารย์บุญเพ็ญ
    พลตรี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช✍️
    อาจารย์บุญเพ็ญ เกิดเมื่อ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๗๗ ที่อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ครับ ท่านเป็นบุตรแฝดคนสุดท้องของคุณพ่อสิน-คุณแม่แดง แขวัฒนะ
    อาจารย์บุญเพ็ญ เริ่มรับราชการที่กรมตำรวจเมื่อ ๓ มกราคม ๒๕๐๔ ตำแหน่งสุดท้ายได้รับพระราชทานยศเป็น พ.ต.อ.(พิเศษ) ตำแหน่ง รอง ผบก.(กอ.รมน.) กพ. ทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติราชการพิเศษ กอ.รมน.
    ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ ท่านได้เริ่มบุกเบิกสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ที่บ้านลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี โดยท่านได้รักษาคนเจ็บไข้และทุกข์ร้อนสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ยกเว้นวันพระ
    ในปี ๒๕๑๙ ท่านได้ปิดสำนักและมาเปิดใหม่ที่ลาดพร้าวและที่บ้านถนนวิภาวดีรังสิต
    ลูกศิษย์รุ่นเก่า (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้เล่าให้ผมฟังว่า นอกจากอาจารย์บุญเพ็ญจะรักษาโรคให้หายได้อย่างอัศจรรย์ใจแล้ว ท่านยังสามารถติดต่อและทำพิธีเชิญเจ้ากรรมนายเวร ให้เข้ามารับการขอขมาและขออโหสิกรรมในอดีตกาลได้อีกด้วย
    แกว่ามีลูกศิษย์ของอาจารย์บุญเพ็ญหลายท่านที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยพิธีกรรมดังกล่าวข้างต้น แกว่าบางคนได้เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศ เอ่ยชื่อไปรับรองต้องร้องเสียงหลง
    อาจารย์บุญเพ็ญถึงแก่กรรมเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๒ ณ โรงพยา
    บาลสมิติเวช สิริรวมอายุได้ ๕๕ ปี ตรงตามที่ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ของท่านเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าท่านจะไปเมื่ออายุ ๕๕ ปี
    ในส่วนวัตถุมงคลของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรมนั้น ต้องบอกว่าทุกครั้งที่สร้างจะมีการกำหนดและมีการประกอบพิธีกรรมที่ลึกล้ำและยอดเยี่ยม
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ที่ดูและเห็นด้วยตา อย่างการกำหนดฤกษ์ (ตามภาพประกอบ) หรือจะเป็นเรื่องเหนือโลก อย่างการเปิดตาที่สามเพื่อติดต่อหรืออัญเชิญ ล้วนมีส่วนส่งเสริมให้พุทธคุณของเหรียญแต่ละรุ่นโดดเด่นและแตกต่างกันอย่างชัดเจน ประมาณว่าเลือกแขวน เลือกใช้ได้ตามสถานการณ์เลยครับ
    ปัจจุบัน “เหรียญองค์ประธานแห่งไตรภพ ปี ๒๕๑๓” (ตามภาพประกอบ) ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกของสำนักพุทธศาสตร์โลกและธรรม ถูกจัดและได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
    ผมถามคุณลุงคู่สนทนาว่า “คิดถึงท่านอาจารย์ไหม” แกว่าคิดถึง ทุกวันนี้ยามว่างไม่มีคนกวนใจแกก็จะนึกทบทวนธรรมะที่อาจารย์บุญเพ็ญได้เคยสอน
    แกว่านำมาไตร่ตรองแล้วใช้ประโยชน์ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรมจริงๆ เช่น
    “การปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมนั้น ต้องศึกษาในสัจธรรมอันถูกต้อง คือเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและต้องนำมาปฏิบัติด้วย
    ถ้าไม่ยอมปฏิบัติ คิดนอกลู่นอกทาง เชื่อในทรงเจ้าเข้าผี การนับถือแบบนั้น เรียกว่านับถือแต่ปาก ใจไม่ได้นับถืออะไรเลย”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญโพธิสัมภารานุภาพ วัดถ้ำโพธิสัตว์ จังหวัดสระบุรี ซองเดิม จากวัด

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2025 at 23:43
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754232959762.jpg
    เหรียญ ร่วมกู้ชาติ สมเด็จบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ลป.โต๊ะร่วมปลุกเสก
    เหรียญสมเด็จบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาถ (พระยาเสือ) พิมพ์พนมมือถือดาบทรงกลม สร้างปี 2521 พร้อมกับพระบรมราชานุสาวรีย์ ที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ ด้านหลังยันต์มหาสุรสิงหนาท
    อีกเหรียญที่ควรค่าแก่การบูชา
    พระอาจารย์ที่ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก
    1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    2. หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทธสาคร
    3.หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    4. หลวงปู่คอน วัดชัยพฤษมาลา กทม.ลูกบุญธรรมหลวงพ่อกลั่น
    วัดพระญาติ
    5.หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี
    6.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    7.หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    8.พ่อทูรย์ วัดโพธิ์นิมิต กทม.
    9.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
    สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระนามเดิม บุญมา เป็นพระอนุชาธิราชร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้อุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    เนื้อ กะไหล่ทองลงยา ขนาด 2.8 ซม.พร้อมกล่องเดิม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250803_215124.jpg IMG_20250803_215203.jpg IMG_20250803_215036.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754236439077.jpg

    พระผงรูปเหมือนเนื้อชานหมากผสมเกศาหลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดใหม่เสนานิคม ออกวัด ศรีสว่าง
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ยกย่อง พระเครื่องหลวงปู่หลอด
    หลวงปู่คำพันธ์ท่านจับพลังพระหลวงปู่หลอดและกล่าวว่า เราไม่รู้หรอกว่าดีอย่างไง สว่างครอบไปหมด คุณธรรมเรายังไม่เท่าท่าน มีพระดีพระเก่งอยู่แถวลาดพร้าว ลูกศิษย์ก็มาเจอหลวงปู่หลอด พระเก่งพระดีที่หลวงปู่คำพันธ์บอกให้มา
    เมื่อพระดีเมืองสิงห์ยกย่องคุณธรรมหลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ทั้งสายธรรมยุติและมหานิกายต่างยกย่องท่าน มีปรจิตวิชาไว ท่านเจ้าคุณนรหรืออุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม ได้รับการสอนกรรมฐานจากท่านทั้งสิ้น ท่านเป้นพระผู้รัตนกัตญญูท่านจะเทศน์ธรรมะเป็นเรื่องวิมุตติทั้งสิ้นเช่น ธรรมะคือหนังแผ่นเดี่ยว กายเดี่ยวจิตเดี่ยวเป็นต้น มีลูกศิษยืหลวงปู่บุดดาท่านหนึ่งไปถามองค์ท่านว่า หลวงปู่ พระอรหันต์ยังมีอยู่ในโลกหรือไม่ หลวงปู่บุดดาตอบกลับมาว่า ท่านพระอาจารย์หลอด ที่กรุงเทพก็ใช่ ทำให้บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่บุดดาจะมากราบหลวงปู่เสมอ เวลาหลวงปู่บุดดาเจอหลวงปู่ท่านจะกราบหรือไหว้หลวงปู่เสมอ ท่านไม่สนใจเลยว่า พรรษาท่านมากกว่า หลวงปู่ท่านก็จะกราบหลวงปู่บุดดากลับเสมอหรือกราบก่อน หลวงปู่หลอดท่านจะยกย่องหลวงปู่บุดดาตลอดทั้งในเรื่องธรรมะก็ดีเรื่องภูมิ จิตภูมิธรรม หลวงปู่หลอดจะกล่าวเสมอว่า หลวงปู่บุดดาท่านเป็นพระอรหันต์
    สื่อด้วยใจ ไม่ได้สื่อด้วยเสียง เคารพด้วยใจ เคารพในธรรม
    หลวง พ่อใหญ่กับหลวงปู่หลอด ปโมทิโต แม้ฐานขันธ์หลวงพ่อใหญ่จะไม่เอื้ออำนวนแต่ท่านก็พยายามที่จะกราบ แต่กราบไม่ได้ เพราะเป็นอัมพาต จึงนำมือทั้งสองข้างมากลุ้มมือไว้ เพื่อแสดงความเคารพ ผมน้ำตาจะไหล ครับ ตอนแรกหลวงพ่อใหญ่ไปหางาช้าง แต่อยู่ดีๆๆหลวงพ่อใหญ่กล่าวว่า จะมากราบหลวงปู่หลอด นับเป็นดำริความตั้งใจของท่าน ตอนนั้น ท่านไม่ได้กล่าวอะไรกับหลวงปู่หลอดเลย หลวงปู่หลอด ก็ไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่หลวงพ่อใหญ่กลับ ศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่หลอดถามว่า คุยอะไรกันบ้าง หลวงปู่หลอดท่านบอกว่า คุยกันเยอะอยู่ ผมก็งงว่าเอท่านคุยกันยังไงหว่า ผมเลยไปถามหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อใหญ่เมตตาให้คำตอบที่ผมต้องการที่สุดคือ เราคุยกับอะไรกันไม่มีใครรู้หรอก นี่แสดงถึงภูมิจิตภุมิธรรมของท่าน ไม่ต้องสื่อด้วยเสียง สื่อด้วยใจ สมแล้วที่หลวงพ่อใหญ่ประกาศต่อหน้าหมู่สงฆ์ว่า ท่านพระอาจารย์หลอดเป็นพระอรหันต์ นับเป็นความประทับใจของพร อย่างไม่รู้ลืม แม้ท่านทั้งสองจะจากไป เข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมเชื่อว่าท่านก็ยังอยู่ เพราะธรรมท่านทั้งสองอยู่ในใจผมตลอดไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปเหมือนเนื้อชานหมากผสมเกศาหลวงปู่หลอดออกวัดศรีสว่าง สร้างน้อย หาไม่ยาก ในโพสนี้ มี เห็นเกศาชัดเจน หลายเส้น ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250803_223950.jpg IMG_20250803_224025.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    พระผงศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม ปี2537 ( พระอาจารย์อิฏฐ์ วัดจุฬามณี ออกแบบ และ เป็นแม่งานในการจัดสร้าง )
    รายละเอียด องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท้าวเวสสุวรรณ พระพรหม ศาลหลักเมืองสมุทรสงคราม จัดงานบวงสรวงที่ศาลหลักเมือง พิธีใหญ่นิมนต์เกจิทั่วประเทศ 45รูป
    ป้องกันภัยคุ้มครอง เสริมโชคเรียกทรัพย์ แคล้วคลาดปลอดภัย จัดสร้างในรูปแบบศาลหลักเมืองสมุทรสงคราม เป็นรุ่นแรก แถมมีองค์ท้าวเวสสุวรรณที่จัดสร้างโดยท่านอาจารย์อิฏฐ์ ถือว่าเป็นยุคแรกๆด้วยครับ น่าบูชาเก็บสะสมจริงๆ ตอนนี้ท้าวเวสสุวรรณ ที่ออกโดยวัดจุฬามณี

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระหลักเมืองสมุทรสงคราม พร้อมกล่องเดิม ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250803_230705.jpg IMG_20250803_230729.jpg IMG_20250803_230634.jpg
     
  7. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,045
    ค่าพลัง:
    +5,742
    จองครับ
     
  8. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,189
    ค่าพลัง:
    +1,223
    โอนแล้วครับ 03/08/68 จำนวน 230 บ.เวลา 23.38 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    LP1.jpg

    พระนางพญา อ.ถนอม วัดนางพญา จ.พิษณุโลก สร้างเมื่อปี2514 โดยนำพระแตกหักของพระนางพญากรุเก่าพิษณุโลกมาเป็นส่วนผสม จัดสร้างโดย วัดนางพญา จ.พิษณุโลก สมัย พระอาจารย์ถนอม เขมจาโร และพระครูบวรชินวัฒน์ โดยมี สมเด็จพระวันรัต (ปุน ปุณณสิริ) ซึ่งต่อมาได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่17แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และทรงจุดเทียนชัย พระอาจารย์ไสว สุมโน เป็นเจ้าพิธี พระครูวามเทพมุนี เป็นประธานฝ่ายพราหมณาจารย์ และพลโทสำราญ แพทยกุล แม่ทัพภาคที่3 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ทำพิธีดับเทียนชัย วัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาจตุปัจจัยในการสร้างพระอุโบสถวัดนางพญา โดยเริ่มดำเนินการเมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม 2512 เวลา 9 นาฬิกา 12 นาที เป็นปฐมฤกษ์ตามพระฤกษ์สร้างพระอุโบสถที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกมหาจักรพรรดิ์ตราธิราชตามจารีตประเพณีโบราณาจารย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2514 ในวิหารวัดนางพญา จ.พิษณุโลก พิธีนี้เป็นอภิมหาพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่มากในยุคนั้น โดยนิมนต์ยอดเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศ 108 รูป มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเศกอาทิเช่น
    -หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม
    -หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี
    -หลวงปู่ฝั้น อาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำขาม สกลนคร
    -หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์ จ.ขอนแก่น
    -หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    -ครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน
    -หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์
    -หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
    -หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว สุพรรณบุรี
    -หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    -หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์
    -หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    ..และคณาจารย์อื่นๆอีกมากมาย
    สำหรับพิมพ์พระเป็นพิมพ์พระนางพญาที่ถอดพิมพ์มาและผสมเนื้อพระนางพญาจากกรุวัดนางพญา และที่ด้านหลังได้อัญเชิญพระฤกษ์พระราชทานมาประดิษฐานไว้ พระรุ่นนี้ปั้นกดพิมพ์พระด้วยมือทุกองค์ ซึ่งบางองค์จะมีรอยนิ้วมือ หรือรอยเล็บขูดขีดอยู่พอสมควร และการตัดขอบใช้ใบเลื่อยตัดขอบพระทีละองค์ๆ ดังนั้นบางองค์จะเห็นรอยใบเลื่อยที่ด้านข้างอย่างชัดเจน
    อาจกล่าวได้ว่าพระนางพญารุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ใช้แทนนางพญากรุเก่าซึ่งเป็นหนึ่งในพระเบญจภาคีได้อย่างสนิทใจ เพราะชนวนมวลสารสร้างจากผงพระนางพญากรุเก่า และประกอบพิธีมหาพุทธาภิเศกอย่างถูกต้องและยิ่งใหญ่ ถือเป็นของดีราคาไม่แพงถ้าเทียบกับพระนางพญากรุเก่า

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระนางพญาวัดนางพญาปี ๒๕๑๔ นำมาแจกในงานฌาปนกิจศพปี ๒๕๓๕
    เดิมกระดาษสมบูรณ์แต่เมื่อแกะออกมาถ่ายรูปคลี่กระดาษที่พับไว้ปรากฏว่ากระดาษได้ขาดจึงเอาเทปใสปิดประกบไว้เป็นหลักฐาน

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250803_231516.jpg IMG_20250803_231546.jpg IMG_20250803_231612.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2025 at 11:47
  10. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,045
    ค่าพลัง:
    +5,742
    จองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754284275852.jpg
    get_auc3_img (27).jpeg

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า รุ่นฉลองมณฑปกุฎิหุ่นขี้ผึ้ง ๒๘ มิย. ๒๕๓๐ มีพระที่ร่วมปลุกเสกเช่น
    ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
    หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน
    หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน
    หลวงปู่นะ วัดหนองบัว
    หลวงพ่อวิชาวัดศรีมณีวรรณ
    หลวงพ่อผิววัดพิกุลทอง
    เป็นต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20250803_221846.jpg IMG_20250803_221925.jpg IMG_20250803_221815.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    fb_img_1719134310707-jpg.jpg
    ประวัติโดยสังเขปของพระครูปทุมกิจโกศล หลวงพ่อแสวง อริโย
    (พระเถราจารย์ที่ถูกแกล้งลืม)
    เขียนโดยน้าเทพ วสภ
    ที่กระผมนายเข็มทองกำลังจะเล่าให้ผู้อ่านฟังนี้เป็นความจริงทั้งหมดที่ถูกแกล้งลืมมานานมาก ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ คิดว่าผมเล่านิยายให้ท่านผู้อ่านฟังก็ได้ครับ อย่าเชื่อผมจนกว่าท่านทั้งหลายจะได้เข้าไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อครับ โดยผมจะเริ่มเล่าให้ฟัง ณ บัดนี้ครับ
    หลวงพ่อแสวง อริโยเกิดในตระกูลเจ้าพระยา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 ปีชวด พ.ศ. 2567 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2467 ร.ศ.143 จ.ศ. 1286
    บ้านเกิด ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี บิดาชื่อ นายเล็ก มารดาชื่อ นางทรัพย์
    มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันรวม 7 คน คือ
    1. นางสาวสาย(ถึงแก่กรรม)
    2. นาวสาวโปรย(ถึงแก่กรรม)
    3. นายสิน
    4. ผู้ใหญ่มล(ถึงแก่กรรม)
    5. นายแจ้ง
    6. พระครูปทุมกิจโกศล เดิมชื่อ ?แจ่ม? แต่ชาวบ้านเรียกท่านว่า ?แสวง? เมื่อท่านอุปสมบทแล้วจึงเรียกติดปากตั้งแต่นั้นมา
    7. นายจำรัส เจนกระบวน
    โยมปู่ชื่อหลวงเจนกระบวนทิศ(ต้นนามสกุลเจนกระบวน) เป็นเชื้อสายชาวมอญที่เป็นแม่ทัพนายกอง ซึ่งมีวิทยาคมสูงส่ง เจ้าของตำราผงสิบสองนักกษัตริย์ พูดถึงผงสิบสองนักกษัตริย์หลายท่านอาจจะงง แต่ถ้าพูดถึงหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี และหลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระฌอ จ.ชลบุรี ท่านคงจะหายสงสัย เพราะสมเด็จรุ่นแรกของหลวงปู่เทียน ที่ผสมผงสิบสองนักกษัตริย์ และสมเด็จรุ่นแรกของหลวงพ่อเริ่ม ก็มีราคาแพงเป็นที่ใฝ่หาของผู้ที่ดวงตก กำลังหาวัตถุมงคลเสริมดวง(รายละเอียดผงสิบสองนักกษัตริย์ หาอ่านได้ในประวัติหลวงปู่เทียนและหลวงพ่อเริ่ม) ผงสิบสองนักกษัตริย์นี้ การสร้างจะคล้ายๆกับผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถ้าอยากทราบครั้งหน้าผมจะอธิบายรายละเอียดการทำผงสิบสองนักกษัตริย์ให้ฟัง
    มาฟังประวัติของหลวงพ่อกันต่อครับ
    ในวัยเด็กของหลวงพ่อชอบตามโยมแม่ของท่าน ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับแม่ชีพันธ์ อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์เอกของท่านพ่อบันฑูรย์สิงห์ จังหวัดสมุครสาคร ถ้าเทียบเดี๋ยวนี้อำนาจฌาณสมาบัติของแม่ชีพันธ์ก็เทียบได้กับคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธ ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่าคนถูกผีเข้า พาเข้าไปหาแม่ชีพันธ์นั้นท่านแค่อธิษฐานจิตปลายนิ้วชี้ของท่าน ชี้ไปที่ร่างของผู้ถูกผีเข้า ผีถึงกับร้องโหยหวน แล้วรีบออกจากร่างไปอย่างรนราน หลวงพ่อท่านได้รับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานจากแม่ชีพันธ์ตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากนั้นโยมแม่ของหลวงพ่อจึงพาหลวงพ่อไปฝากเรียนหนังสือไทยและขอมกับหลวงพ่ออู๊ด วัดหัตถสาร จ.ปทุมธานี มาถึงตรงนี้ท่านคงงงๆกันอีกแล้วว่าหลวงพ่ออู๊ดท่านเป็นใครมาจากไหน หลวงพ่ออู๊ดเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม ประวัติของหลวงพ่ออู๊ดไม่ค่อยจะได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนัก เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ชอบอวดตัว คนส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงศิษย์หลวงพ่อกลั่น มักจะนึกถึงหลวงปู่สี วัดสะแก หลวงปู่ใหญ่ วัดสะแก หลวงพ่อคอน วัดชัยพฤกมาลา แต่ลองมาฟังสิ่งที่ผมจะเล่าถึงในวันสุดท้าย ณ สำนักหลวงพ่อกลั่น ของหลวงพ่ออู๊ด วันนั้นในตอนบ่ายหลวงพ่อกลั่น เรียกหลวงพ่ออู๊ดเข้าไปหาแล้วบอกว่า ?ท่านอู๊ดวิชาที่ผมมีอยู่ผมได้สอนท่านไปจนหมดไส้หมดพุงแล้ว ถ้าคุณอยากจะก้าวหน้าต่อไปในเพศบรรพชิต คุณคงต้องหาที่ศึกษาเพิ่มเติมแล้วล่ะ? หลวงพ่ออู๊ดจึงถามหลวงพ่อกลั่นว่า ?หลวงพ่อครับ แล้วจะให้กระผมไปศึกษาต่อที่ไหนดีล่ะครับ ช่วยแนะนำผมด้วยครับ? หลวงพ่อกลั่นจึงตอบว่า ?ถ้าต้องการศึกษาต่อคงต้องไปหาหลวงพ่อหนู วัดชีปะขาวแล้วล่ะ(จ.อยุธยา) เดี๋ยวผมจะเขียนจดหมายฝากตัวคุณไปให้หลวงพ่อหนูด้วย? หลังจากนั้นหลวงพ่ออู๊ดก็ได้ออกจากสำนักของหลวงพ่อกลั่นพร้อมกับจดหมายฝากตัวที่หลวงพ่อกลั่นเขียนไว้ให้ เดินทางมุ่งหน้าสู่วัดชีปะขาวโดยลำพัง เมื่อถึงวัดชีปะขาวแล้วจึงนำจดหมายฝากตัวนี้ถวายให้หลวงพ่อหนูอ่าน เมื่อหลวงพ่อหนูอ่านแล้วก็ถามหลวงพ่ออู๊ดว่า ?คุณอยู่อารามไหนกัน? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?เกล้ากระผมอยู่วัดหัตถสารจังหวัดประทุมธานีครับ? หลวงพ่อหนูก็ถามต่อไปอีกว่า ?อ้าว! แล้วจะอยู่เรียนวิชากันอย่างไร? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?ผมจะเดินทางไปๆมาๆ เพื่อมาขอศึกษาต่อครับ? หลวงพ่อหนูตอบว่า ?เอ้อ อย่างนั้นไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวข้าจะไปหาเอ็งเอง ที่วัดของเอ็งมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่หนึ่งต้นใช่มั้ย? หลวงพ่ออู๊ดตอบว่า ?ใช่ครับหลวงปู่? หลวงพ่อหนูจึงตอบว่า ?เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเอ็งไม่เข้าใจหรือติดขัดในวิชาใดๆ เอ็งไปรอข้าที่ต้นโพธิ์ใหญ่ พร้มกับจุดธูป 9 ดอก รำลึกถึงข้า ช้าจะไปหาเอ็งเอง? ท่านผู้อ่านครับเหมือนนิยายมั้ย แต่ฟังก่อนครับหลวงพ่ออู๊ดได้ต่อวิชาต่างๆจากหลวงปู่หนู วัดชีปะขาวจนจบคัมภีร์พระเวท ณ ที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่วัดหัตถสารนั้นเอง หลวงพ่อเล่าให้ผมฟังแบบนี้ ผมก็ไม่กล้าถามท่านต่อแล้วครับเพราะผมรู้ดีว่าพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าท่านมักจะสำเร็จวิชาย่นระยะทางโดยอาศัยพลังแห่งธาตุเป็นหลัก ซึ่งเราก็อาจจะหาอ่านได้ในนิตยสารพระเกจิต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง หลวงพ่อเดิม ฯลฯ ย้อนเข้ามาถึงเรื่องราวของหลวงพ่อต่อถึงตอนที่โยมแม่พาหลวงพ่อมาฝากเรียนหนังสือขอมและไทย โดยฝากไว้กับหลวงพ่ออู๊ด หลวงพ่อได้เรียนชั้นประถมที่วัดหัตถสารจากหลวงพ่ออู๊ดพร้อมเกร็ดวิชาต่างๆ จนเรียนจบแล้ว หลวงพ่อจึงได้บวชเณรอยู่กับหลวงพ่ออู๊ดที่วัดหัตถสารจนอายุใกล้ครบบวชพระ โยมแม่จึงขอร้องให้ไปบวชที่วัดใกล้บ้านคือวัดสว่างภพนั่นเอง หลวงพ่อได้อุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2487 ณ พัทธสีมาวัดสว่างภพ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีพระอธิการเฮ็ง สุมโนเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรหลุย เป็นพระกรรมวาจารย์และพระอธิการสวัสดิ์ โสตฺถิทตุโตเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า ?อริโย? และหลังจากได้อุปสมบทแล้วได้กลับไปขอศึกษาวิชาในสายหลวงพ่อกลั่นจากหลวงพ่ออู๊ดต่อ พร้อมกับไปฝากตัวกับพระเถราจารย์รุ่นเก่าอีกมากมายนับไม่ถ้วน พระเถราจารย์ที่หลวงพ่อแสวงได้ศึกษามีดังนี้
    1. หลวงพ่อเลื่อน วัดไผ่ จ.อยุธยา
    2. หลวงพ่อสมบุญ วัดสว่างภพ หลวงพ่อแสวงได้รับการถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ? 2500 จนมีความรู้ความสามารถทางการแพทย์แผนโบราณเป็นอย่างดี
    3. หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดง จ.อยุธยา
    4. หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จ.อยุธยา หลวงพ่อแสวงได้รับการถ่ายทอดมาหลายวิชา
    5. หลวงพ่ออุ่ม วัดเจ้ากอ จ.อยุธยา
    6. หลวงพ่ออู๊ด วัดหัตถสาร จ.ปทุมธานี
    7. หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง จ.อยุธยา
    8. หลวงพ่อโอภาส วัดพระศรีไกรน้อย บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เก่งมากทางสักยันต์ คงกระพันชาตรี
    9. หลวงพ่อจง พุทธสโร แห่งวัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ที่เราคงจะได้ต้องบรรยายอะไรมาก เพราะว่าทุกๆคนน่าจะรู้จักท่านดี มีเรื่องเล่าขันๆให้ท่านผู้อ่านฟัง วันหนึ่งผมอยากจะรู้ว่าในตะกรุดสิบหกดอกของหลวงพ่อจงลงอักขระเลขยันต์อะไรไว้ ผมจึงขับรถไปหาหลวงพ่อแม้น ที่วัดหน้าต่างนอก เมื่อไปถึงวัดทางสะดวกเลยครับ พระหลวงพ่อแม้นกำลังไม่มีแขกพอดี ผมจึงเรียนถามท่านว่า ?หลวงพ่อครับ ตะกรุดสิบหกดอกของหลวงพ่อจง ลงยันต์อะไรไว้ครับผมอยากจะทราบ? หลวงพ่อแม้นท่านตอบผมว่า ?เอ้อ! คุณโยมมาจากวัดไหน? ผมตอบท่านว่า ?ผมมาจากวัดสว่างภพ จ.ปทุมธานีครับ? หลวงพ่อแม้นท่านยิ้มแล้วตอบผมว่า ?โยมมาซะไกลเลยนะ ไปถามหลวงพ่อแหวงสิ เขาทันเรียนกับหลวงพ่อจงและใกล้ชิดกว่าฉันอีก? มาถึงตอนนี้ไม่อยากจะบรรยายความรู้สึกเลยครับหน้าแตก(หมอไม่รับเย็บเลยงานนี้) ผมรีบขับรถกลับไปวัดสว่างภพทันทีเพื่อไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อแสวง ท่านจึงเล่าความจริงให้ผมฟังว่าท่านไปๆมาๆ ระหว่างวัดหน้าต่างนอกและวัดสว่างภพอยู่เป็นปี เพื่อต่อวิชากับหลวงพ่อจง จนหลวงพ่อจงเมตตามาอยู่ช่วยปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสว่างภพเป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน พร้อมกับมอบเหล็กจารไว้ให้หลวงพ่อ 1 อัน พร้อมกับผงพุทธคุณ 1 บาตรใหญ่ๆ เพื่อให้หลวงพ่อแสวงสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปหลวงพ่อจงและพิมพ์สมเด็จเนื้อผง 1 รุ่น(ครั้งหน้าผมจะโม้ให้ฟังถึงวัตถุมงคลรุ่นนี้ พร้อมกับข่าวดีว่า ยังมีอยู่ที่วัดสว่างภพครับ)
    10. อาจารย์คง เป็นฆราวาสและเป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา หลวงพ่อแสวงได้เรียนวิชาอาคมทางด้านคงกระพันแคล้วคลาดและเมตตามหานิยม เรียกได้ว่าครบเครื่อง
    11. อาจารย์หลำ เป็นฆราวาสมีอาคมแก่กล้าทางด้านคงกระพันชาตรี
    12. อาจารย์และพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่สามารถนำบอกกล่าวกันให้ฟังได้ครับ
    สรุป
    1. หลวงพ่อแสวงเป็นพระที่เก็บตัวไม่ชอบโอ้อวด
    2. เป็นพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกตามพิธีพุทธาภิเษกมากกว่า 100 งาน แต่ไม่เคยขึ้นชื่อ เพราะว่า พอช่างภาพจะถ่ายรูปหลวงพ่อเดินหนีแล้วครับ(หนีอย่างเดียว)
    3. ตำรวจเก่าๆแถวประตูน้ำพระอินทร์ต้องขอร้องหลวงพ่อให้วางเข็มสัก และห้ามแจกตะกรุดกับเชือกคาด เพราะลูกศิษย์นอกคอกของหลวงพ่อทำให้ตำรวจต้องทำงานหนัก
    4. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นั่งปรกในพิธีของวัดประสาทบุญญาวาส ปี พ.ศ. 2505 และ พ.ศ. 2506 รูปเดียวที่ยังทรงสังขารอยู่(ตำนานที่ยังมีลมหายใจ)
    5. เป็นพระเกจิอาจารย์รูปเดียวที่นึ่งปรกในพิธีการสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี พ.ศ. 2509 และหลวงพ่อยังได้รับแจกสมเด็จพิมพ์คะแนนจากเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมมาประมาณ 200 องค์(อยากได้ก็ไปตื้อกับหลวงพ่อกันเอาเองนะครับ งานนี้ผมไม่เกี่ยว)
    6. ตอนนี้ญาติโยมที่เป็นชาวมาเลเซียมาตื้อหลวงพ่อให้ขึ้นเครื่องไปโปรดญาติโยมที่มาเลเซีย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปโดนอะไรกันเข้า เห็นบอกว่าถ้าหลวงพ่อไม่ไปมาเลเซีย จะจัดแพ็คเก็จทัวร์รอบพิเศษมากินนอนกันที่วัดสว่างภพกันเลยครับ(เอากันเข้าไป)
    7. มีพระชรารูปหนึ่งปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว ซึ่งบวชรุ่นเดียวกันกับหลวงพ่อ เล่าให้ผมฟังว่าเคยแอบดูหลวงพ่อว่าท่านไปทำอะไรในโบสถ์ และเห็นหลวงพ่อเสกผ้าอาบน้ำฝนโยนลงกับพื้น ผ้าอาบน้ำฝนนั้นกลับกลายเป็นกระต่ายสีขาววิ่งรอบตัวหลวงพ่อ(เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลแล้วกันนะครับ งานนี้ผมก็ไม่เกี่ยวอีกนั่นแหละ) แต่รู้ว่าตอนที่พระชรารูปนี้ท่านคุยกับผมท่านบอกว่าจะเอาอาตมาไปสาบาญที่ไหนก็ได้
    บทส่งท้าย
    ถ้าจะเล่าเรื่องประสบการณ์และอภินิหารของวัตถุมงคล ต้องขอยกยอดไว้เที่ยวหน้าแล้วกันนะครับ และถ้าอยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่นเก่าๆ หรือเหรียญรุ่นแรกไม่ต้องติดต่อมาทางผมเลยนะครับ เพราะว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อผมมีเหล็กจารที่หลวงพ่อได้ให้ไว้อันเดียวครับ และผมเองไม่เคยมีของหลวงพ่อไว้ขายเหมือนอย่างที่ลูกศิษย์ในสายอื่นเค้าทำกัน เพราะผมก็ไม่ได้ตั้งศูนย์พระเครื่อง อ้อ! เกือบลืมไป ล่าสุดนี้กรมศิลปากรได้จัดสร้างพระพิฆเนศ รุ่นที่สอง ทำพิธีปลุกเสกที่กรมศิลปากร บริเวณวังหน้า ทางกรรมการผู้จัดสร้างฝ่ายกรมศิลปากร โหวตรายนามพระเกจิอาจารย์ที่จะเข้านั่งปรกทั่วประเทศให้เหลือ 16 รูป หลวงพ่อแสวงคือหนึ่งในนั้นด้วยครับ
    เอาเป็นว่าเที่ยวหน้าถ้าผมมีเวลาจะมาโม้ให้ท่านฟังกันต่อนะครับ
    ขอความโชคดีมีชัยและจตุรพิธพรชัย จงมีแด่ทุกๆท่านครับ
    โชคดี งดเหล้าวันเข้าพรรษาโดยถ้วนหน้าครับ
    ตะกรุดโทนมหาอุตม์ ที่สุดหน้าทอง หมายปองมีดหมอเทพศาสตรา พญาสิงห์สุดคงทน แก้จนตะเพียนทอง พรั่งพร้อมกริ่งโบราณ อภินิหารหลวงพ่ออู่ทอง
    ประกาศ! วัตถุมงคลของวัดสว่างภพทุกชิ้นในขณะนี้เป็นของเก่าที่หลวงพ่อแสวงอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ให้อย่างเต็มที่ตลอดหลายไตรมาสก่อนมรณภาพ โดยมิได้มีการสร้างเสริมหรือสร้างใหม่แต่อย่างใด จึงขอแจ้งให้บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือในองค์หลวงพ่อแสวงทุกท่านทราบโดยทั่วกัน
    วัดสว่างภพ
    ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
    หลวงพ่ออู่ทองพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์วัดสว่างภพในอดีตผู้คนศรัทธาล้นหลามไปกราบไหว้ขอพร โชคลาภ
    fb_img_1719134441123-jpg.jpg fb_img_1719134438292-jpg.jpg fb_img_1719134443271-jpg.jpg fb_img_1719134415784-jpg.jpg fb_img_1719134384629-jpg.jpg fb_img_1719134382097-jpg.jpg fb_img_1719134388611-jpg.jpg

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่ออู่ทองวัดสว่างภพหลวงพ่อแสวงปลุกเสกปี๒๕๑๖ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250804_141805.jpg IMG_20250804_141839.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2025 at 14:46
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    get_auc1_img (23).jpeg 10741516-5.jpeg showimage (8).jpeg


    พระขุนแผนยอดขุนพลทัพ
    พระยามหามงคลสมปรารถนา พิมพ์ใหญ่ โค๊ต สค. ปั๊มยันต์ห้า
    ข่าวหน้า1 ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 เมษายน 2556 ผู้ใหญ่บ้านนิกร กลัดกลาย ผู้ใหญ่บ้านหมู่3 ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ถูกคนร้ายยิงถล่มด้วยปืน เอชเค 33 แต่ยิงไม่เข้า สงสัยกันหรือไม่ครับว่าในคอแขวนพระอะไรบ้าง ครูดุก พัทยา และคุณติ๊กบีอาร์ ได้เข้าไปเยี่ยมผู้ใหญ่บ้านท่านนี้และได้รับการเปิดเผยโดยการให้ถ่ายรูปพระในคอที่แขวนอยู่และประสพเหตุในวันนั้นมาเพื่อให้หายสงสัยกัน 1ในนั้นคือขุนแผนรุ่นนี้
    พระขุนแผน ยอดขุนพล ทัพพระยามหามงคล สมปรารถนา รุ่น๑ หลังปั๊มยันต์ ปี ๒๕๕๔ เนื้อผงพุทธคุณขาว พิมพ์ใหญ่ (สค) ปั๊มโค๊ต(นะ) ปลุกเสก 2 พิธี ๑.พิธีมหาพุทธธาภิเษก 9 วาระ ณ.วัดพระบรมธาตุวรวิหาร ๒.พิธีในโบสถ์วัดระหารไร่ จ.ระยอง ขุนแผนรุ่นนี้พิธีดีมากๆ มีพระเกจิที่ร่วมปลุกเสก หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่, หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ, หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร, หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู,(เป็นของแจกรางวัลสำหรับผู้ที่ส่งพระเข้าประกวด แล้วได้รับรางวัล ที่ 2-4) พระดีมีประสบการณ์ พระสวยสภาพสมบูรณ์ครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250804_150237.jpg IMG_20250804_150302.jpg IMG_20250804_150323.jpg
     
  14. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,045
    ค่าพลัง:
    +5,742
    จองครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754306223281.jpg
    ขุนแผนเคลือบ
    หลวงพ่อเฉลิมวัดพระญาติ ปี๒๕๕๐หลังยันต์มหาจักรพรรดิ์ ซึ่งมีพุทธคุณครอบจักรวาล เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย ดีนักแล อธิษฐานจิตปลุกเสกโดย หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
    หลวงพ่อเฉลิม เขมทัสสี
    วัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
    กรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิอาจารย์เรืองนามหลายรูป พระโบราณคณิสสร หรือ หลวงพ่อเฉลิม เขมทัสสี แห่งวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นหนึ่งในนั้น
    กล่าวได้ว่าเป็นพระเกจิชั้นแนวหน้าอีกรูปของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออั้น คันธาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดพระญาติ
    เล่าเรียนตำรับตำราในสายหลวงพ่อกลั่นจนหมดสิ้น ดังนั้น เวลามีงานพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่องรุ่นต่างๆ ส่วนใหญ่จะต้องนิมนต์หลวงพ่อเฉลิม ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องเป็นประจำอย่างขาดมิได้
    ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระญาติการาม และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อกลั่น-หลวงพ่ออั้น 2 อดีตพระเถระและพระเกจิชื่อดังวัดพระญาติการาม
    มีนามเดิม เฉลิม ตรีภาค เกิดวันจันทร์ แรมแปดค่ำ เดือน 11 ปีชวด ตรงกับวันที่ 21 ต.ค.2467 อยู่บ้านที่ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา บิดา-มารดา ชื่อ นายช้อยและนางเชย ตรีภาค
    อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2487 ที่พัทธสีมาวัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระครูศีลกิตติคุณเมื่อครั้งพระอธิการอั้น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เภา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เจิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายา เขมทัสสี
    มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2487 สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2489 สอบได้นักธรรมชั้นโท
    เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูปในเมืองกรุงเก่า และติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่สันโดษมักน้อย ไม่หวังลาภยศ เคารพบูชาครูบาอาจารย์เหนือสิ่งอื่นใดเป็นที่สุด
    นอกจากนี้ ยังเป็นศิษย์เอกหลวงพ่ออั้นได้รับการเล่าเรียนและตำรับตำราในสายหลวงพ่อกลั่นจนหมดสิ้น รวมถึงวิชาเอกของสำนัก คือ วิชาชาตรีและยันต์จักรพรรดิตราธิราช
    ยังเป็นสหธรรมิกร่วมปฏิบัติวิปัสสนากับหลวงพ่อสาย อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนใต้อีกด้วย
    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2495 เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.2514 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระญาติการาม, เจ้าคณะตำบลหันตรา และเป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.2535 เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เจ้าคณะตำบลหันตรา
    พ.ศ.2509 เป็นพระครูสังฆรักษ์ ฐานานุกรมในพระราชโมลี (นิยม ฐานิสสโร) วัดชนะสงคราม
    วันที่ 5 ธ.ค.2559 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระโบราณคณิสสร
    นำวิชาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียน สงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบหรือมาพึ่งบารมี ช่วยขจัด ปัดเป่าให้บรรเทาเบาบางลงไป ด้วยความเป็นพระที่เมตตา เข้าถึงง่าย จึงเป็นที่เคารพและศรัทธาของคนในพื้นที่และใกล้เคียงมากพอสมควร
    ท่านนับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองกรุงเก่ารู้จักกันดี มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก
    ท่านมีหลักธรรมคำสอนง่าย ด้วยการใช้เมตตาธรรมในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ และเน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติบ้านเมืองที่สามารถดำรงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
    ตลอดระยะเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัด จัดระเบียบการปกครองวัดอย่างเข้มงวด พระภิกษุ-สามเณรทุกรูป ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ตลอดกฎ และประกาศมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัด
    งานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประกอบพิธีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนร่วมกับข้าราชการ พุทธศาสนิกชน จัดทำบุญในวันสำคัญต่างๆ
    สร้างคุณูปการไว้ในพระพุทธศาสนาและชุมชนอย่างมากมาย อาทิ ในปี พ.ศ.2558 ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา ชื่อ มูลนิธิหลวงพ่อกลั่น-หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม โดยจดทะเบียนยกเป็นมูลนิธิเริ่มแรก 100 ล้านบาท
    ปัจจุบันมีนิสิตนักศึกษาอยู่ในทุนมูลนิธิที่จดทะเบียนกว่า 300 คน อีกทั้งด้านการพัฒนาวัดและชุมชน ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยปลูกฝังทางด้านการศึกษา
    เป็นผู้หาทุนทรัพย์นำมาร่วมสร้างสถานีอนามัย (ปัจจุบันยกขึ้นเป็นโรงพยาบาลชุมชน) โรงเรียน ศาลาการเปรียญ วิหาร และทุนการศึกษา
    ล่วงเข้าปัจฉิมวัย ด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร อาพาธบ่อยครั้ง
    สุดท้าย ช่วงกลางดึกเวลา 01.00 น. วันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค.2564 หลวงพ่อเฉลิมละสังขารอย่างสงบ ด้วยโรคชราภาพ ที่โรงพยาบาลราชธานี
    สิริอายุ 96 ปี 6 เดือน 26 วัน พรรษา 76
    ท่ามกลางความอาลัยของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
    คณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม และประกอบพิธีบรรจุสรีรสังขารลงหีบทองทึบพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้มาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดอย่างเคร่งครัด ข่าวสดออนไลน์

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250804_172140.jpg IMG_20250804_172204.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2025 at 21:56
  16. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,045
    ค่าพลัง:
    +5,742
    จองครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    วันนี้จัดส่ง

    1754319755111.jpg 1754319725370.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754402394968.jpg FB_IMG_1754402484935.jpg FB_IMG_1754402397940.jpg FB_IMG_1754402446460.jpg FB_IMG_1754402439831.jpg
    เหรียญรุ่นแรก
    ครูบาเที่ยงธรรม สำนักสงฆ์เวฬุวัน อ.พยุหะ จ.ศรีสะเกษ
    เมื่อหลวงปู่สรวงใกล้ละสังขาร
    หลวงปู่สรวง ให้ลูกศิษย์อุ้มขึ้นรถทัวร์ให้พาไปหาหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม พอถึงปากทางเข้าวัดท่านไม่ยอมลงจากรถ ต้องไปนิมนต์หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมมานิมนต์ที่ปากทางเข้าวัดท่านถึงจะยอมลง พอเข้าไปในวัดทั้งสององค์แยกกันอยู่คนละมุม หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมอยู่ในศาลารับแขก หลวงปู่สรวงอยู่ที่กุฏิเก่าหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม ห่างกันประมาณ 30 เมตร ไม่พูดไม่จากันร่วมชั่วโมง หลวงปู่สรวงจึงให้ลูกศิษย์พากลับ ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม "ทำไม ไม่คุยกับหลวงปู่สรวง" หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมตอบว่าคุยกันแล้ว "หลวงปู่สรวงท่านมาลา ท่านจะปลงสังขารอีก ๖ เดือนนี้" หลังจากนั้นหลวงปู่สรวงก็มรณะภาพตามคำบอกของ หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรมจริงๆ
    ท่านจะรู้ก่อนว่าใครจะมาหาเพราะท่านคุยกับเทวดาได้ ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดอะไร ใครมีความทุกข์อย่างไรท่านจะทักได้ถูกต้อง หากท่านพิจารณาโดยญาณแล้วเห็นว่าช่วยได้ จะช่วยทันที ท่านเมตตามากเป็นพระที่ไม่เหมือนใครเพราะไม่ยึดถือกฎเกณฑ์
    ท่านชอบเปิดเพลงสวดของจีนและธิเบต จนชาวบ้านแถวนั้นพูดกันว่าท่านชอบฟังเพลงแต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร ท่านกลับหัวเราะและบอกว่า "ท่านเป็นพระบ้า" ท่านบอกว่าปล่อยให้พวกชาวบ้านคิดว่าท่านเป็นพระบ้าน่ะดีแล้วเพราะจะได้ไม่มายุ่งกับท่าน ท่านดำรงตนเป็นพระโพธิสัตว์ คือเน้นการช่วยเหลือคน รักษาคนป่วยประเภทที่หมอตามโรงพยาบาลเห็นว่าเหลือวิสัยแล้ว
    ท่านรู้จักกับลป.สรวง ที่บ้านละลม จ.สุรินทร์ เป็นอย่างดี โดยมีปฏิปทาคล้ายกัน คือไม่ยึดติดอะไร ไม่มีอดีต ลืมอายุ และช่วยเหลือมนุษย์ โดยท่านบอกว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน เพราะในแถบนี้ท่านมีอาวุโสที่สุด
    นับเป็นพี่ใหญ่ในสายพระโพธิสัตว์ของย่านนี้ ต่อมาผมจึงได้ทราบว่าพระอาจารย์ของท่านก็คือพระอรหันต์โบราณผมยาวรูปร่างสูงใหญ่ ที่อยู่ในดินแดนมิติพิเศษภพซ้อนภพของเทือกเขาพนมกุเลนในเขมร

    ท่านไม่สรงน้ำ แต่ใช้การเพ่งกสินไฟชำระร่างกายแทน ท่านบอกควรรักษาโรคเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และอังคาร
    ครูบาเที่ยงธรรมท่านไม่ยึดติดในอะไรทั้งสิ้น ท่านบอกการรักษาศีลไม่สำคัญเท่ารักษาจิต การกระทำทุกอย่างของเราจะถูกบันทึกควบคุมโดยเบื้องบนที่อยู่เหนือศรีษะของเราขึ้นไป ๓ คืบ

    ที่วัดท่านได้สร้างเจดีย์ใหญ่ไว้องค์หนึ่ง ทั้งลักษณะรูปทรงและสีสันไม่เหมือนที่อื่น เจดีย์นี้ท่านสร้างด้วยตัวของท่านเองเพียงคนเดียวโดยไม่มีแบบแปลนใดๆ คือทำไปเรื่อยๆ เพราะท่านจำลองมาจากเบื้องบน การสร้างก็ใช้เวลาไม่นานเลยโดยท่านจะให้คนงานผสมปูนให้ แล้วท่านก็เอามือเปล่าตักปูนโปะเข้ากับแบบที่เตรียมไว้โดยไม่กลัวว่าปูนจะกัดเนื้อท่าน ท่านใช้การวิ่งขึ้นวิ่งลงโดยเอา ๒ มือโปะปูนจนกลายเป็นเจดีย์ขึ้นมาทั้งองค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ในรูปถ่ายที่เห็นว่าท่านนั่งอยู่ท่ามกลางดอกบัวนี้ แท้จริงแล้วตอนที่ลูกศิษย์ถ่ายภาพนี้ท่านนั่งอยู่บนก้อนหินเตี้ยๆ รอบๆ ตัวท่านก็เป็นดินแห้งๆ ไม่มีแอ่งน้ำอะไรเลย แต่เมื่อถ่ายรูปล้างออกมาก็ปรากฏว่ากลายเป็นท่านนั่งอยู่กลางสระบัวที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
    "ผ้ายันต์จักรวาล"
    หลวงปู่เที่ยงธรรมมอบผ้ายันต์แดงแล้วกำชับว่า"เอาติดตัวไปเรียกเงินเรียกทองร้อยล้านพันล้าน" ประสบการณ์เด่นด้านโชคลาภและโภคทรัพย์ เป็นของดีนอกดีใน ท่านว่าของท่านไม่มีวันเสื่อม เป็นผ้ายันต์แบบ ๒ หน้า จากที่สัมผัสได้จะมีกระแสพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์
    ภาพบันทึกความทรงจำที่บูรพาจารย์พระเหนือโลกสามองค์พบกัน
    มีหลวงปู่หมุน หลวงปู่อิง หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม สามพระเหนือโลกแห่งยุคพร้อมทายาทธรรมในปัจจุปันหลวงปู่อุดมทรัพย์กับหลวงตาขวัญเมืองในงานทำบุญบ้านอาจารย์หม่อมนิรนามไตรภูมิ

    ขอขอบคุณท่านบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    หลวงปู่หมุน หลวงปู่สรวงหลวงปู่อิง ร่วมปลุกเสกและเข้าพิธีรวยทันใจ
    เหรียญรุ่นแรกครูบาเที่ยงธรรม ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250805_210232.jpg IMG_20250805_210253.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754403986668.jpg

    "หลวงปู่เย็น ทานรโต " พบ พระธุดงค์ลึกลับ มอบเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ "พ.พาน สารพัดนึก" คาดเป็น"หลวงปู่เทพโลกอุดร
    พระอาจารย์ลึกลับของหลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท
    หลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เป็นอีกหนึ่งพระสุปฏิปัณโณ ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างวัตถุมงคล ที่เรียกว่า “ตัว พ .พาน หุ่นพยนต์” ตัวพ.พานวิเศษของหลวงปู่เย็นท่านนั้นเป็นวัตถุมงคลลี้ลับที่สร้างขึ้นมาจาก ของง่ายๆ คือ “ก้านธูปกับสายสิญจน์” วิธีการทำนั้นเพียงแค่เอาก้านธูปมาหักไปมาให้ได้รูปตัว พ.พานแล้วเอาสาย สิญจน์พันกำกับเสกคาถาไปมาก็สำเร็จเป็นตัว พ.พาน วิชานี้จัดเป็นการทำหุ่นพยนต์ประเภทหนึ่ง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดคือวิ ชา พ.พานตัววิเศษนี้ หลวงปู่เย็นท่านร่ำเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งประวัติ ความเป็นมาเรื่องนี้ก็น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ผู้เขียนเองเคยเข้าไปกราบเรียนถามท่านด้วยตัวเอง ท่านก็ยืนยันชัดเจนว่า ท่านได้พบหลวงปู่โลกอุดร และเมื่อผู้เขียนส่งภาพหลวงปู่โลกอุดรให้ท่าน ท่านก็ยืนยันว่าองค์นี้แหละ พร้อมทั้งยังเอาภาพจบขึ้นเหนือหัวเป็นการยืนยันว่า “หลวงปู่โลกอุดร” ที่หลวงปู่เย็นท่านพบท่านมาในรูปร่างของพระหนุ่ม หรือมาในร่างของ “พระครูพรหมสิงขบุรี” นั่นเอง
    ประวัติความเป็นมาของ “หลวงปู่เย็น ทานรโต” มีดังนี้
    “หลวงปู่เย็น ทานรโต” เป็นชาวเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดยท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสี่ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๔๕ เป็นบุตรคนแรกในจำนวนพี่น้อง ๖ คน ของ นายถิ่น นางแซ่ม ศรีศาสตร์ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา ตัวท่านเองนั้นนอกจากจะช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพกสิกรรมแล้ว ยังมีฝีมือในเชิงช่างหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างปูน แม้กระทั้งการออกแบบบ้านเรือน หรือวัดวาอารามตลอดจนสลักลวดลายท่านก็ทำได้และฝีมือดีมากเสียด้วย จนกระทั่งอายุครบบวชหลวงปู่เย็นได้ทำการอุปสมบทตามประเพณีอันดีงามของชายไทย ทั่วไป ณ วัดเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่าน หลังจากได้เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาสมบูรณ์แล้ว ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม จังหวัด ธนบุรี (ในสมัยนั้น) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ภาษาบาลี และภาษาขอม จนสอบได้นักธรรมเอก และเปรียญ ๔ ประโยค ระหว่างนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในฐานะนักเทศน์ฝีปากเอก หากประชาชนรู้ว่าได้นิมนต์ “มหาเย็น” มาเทศน์ด้วยไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกลก็หลั่งไหลมาฟังเทศน์กันอย่างล้นหลาม
    วันหนึ่งขณะที่นั่งพักผ่อนในกุฏิก็เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินผ่านมา รูปร่างหน้าตาน่าศรัทธา ใบหน้างามดูเป็นหนุ่มไม่แก่ชราเลย แต่เกศานั้นขาวโพลนไปหมด รูปร่างสูงใหญ่ จีวรสีคล้ำตามแบบพระป่า
    หลวงปู่เย็นท่านใจเกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างประหลาด จึงไปนิมนต์ท่านมาพักในกุฏิพร้อมทั้งต้อนรับปฏิสันถารท่านเป็นอย่างดี เมื่อต้อนรับท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงชวนท่านสนทนา เพราะขณะนั้นหลวงปู่เย็นอยากทราบว่าพระธุดงค์นั้นเขามีวัตรปฏิบัติอย่างไร และขณะธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆในป่าในดงนั้นไม่กลัวอันตรายต่างๆ พระธุดงค์รูปดังกล่าว เมตตาอธิบายเรื่องธุดงควัตรเป็นอย่างดี “การธุดงค์นี้เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส พระผู้สมาทานธุดงค์นั้นต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์หมดจด เพราะหากศีลด่างพร้อยแล้วย่อมเป็นอันตรายต่อตัวเองขณะธุดงค์ได้ การธุดงค์นั้นมีข้อวัตร ๑๓ ประการ เช่นอยู่ในป่า อยู่ที่แจ้ง อยู่ในเรือนร้าง ใช้ผ้าสามผืน หลังไม่เอนติดพื้น ฉันรวมกันในบาตรเป็นต้น ธุดงควัตรทุกข้อเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสในใจตนทั้งสิ้น หากว่ามีธุดงควัตรเรียบร้อยงดงาม อำนาจแห่งธุดงควัตรนั่นแลจะรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เทวดาจะพากันอนุโมทนา
    เมื่อหลวงปู่เย็นถามว่าท่านธุดงค์ไปที่ใดมาบ้างและไม่กลัวอันตรายหรือ พระธุดงค์ลึกลับกล่าวว่าท่านธุดงค์ไปมาทั่ว ไม่ว่าประเทศไทย พม่า ลาว เขมร ท่านไปมาหมด ในป่าลึกนั้นเต็มไปด้วยอันตรายนาๆ ประการ ทั้งไข้ป่า สัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจนานาชนิด ท่านยังเมตตาเล่าให้หลวงปู่เย็นฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์ไปยังเมืองลาว ต้องเดินผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่อง “ยาพิษยาสั่ง” คนแปลกหน้าผ่านเข้าผ่านไปในหมู่บ้านเป็นต้องถูกลองยาเสมอ น้อยคนนักจะออกมาได้อย่างปลอดภัย มีคนลองวิชาแต่ท่านไม่เป็นไร พร้อมทั้งพูดปริศนาว่า “เขาทำให้ตาย กินข้าวได้เราไม่กลัว” ซึ่งเป็นคำปริศนาหมายถึงการทำยาสั่งยาเบื่อใส่ แต่พระลึกลับรูปนี้สามารถทานข้าวปลาอาหารที่มียาเบื่อยาสั่งได้โดยปราศจากอันตราย
    เมื่อยิ่งพูดยิ่งคุยยิ่งสนทนากับพระลึกลับรูปนี้แล้วก็ทำให้หลวงปู่เย็นทราบขึ้นมาแน่ชัดว่า พระรูปที่กำลังนั่งสนทนากับท่านข้างหน้านี้หาใช่พระภิกษุปุถุชนธรรมดาไม่ แต่หากเป็นพระผู้วิเศษที่สำเร็จฤทธิ์อภิญญาตามวิชชาชั้นสูงของพระพุทธศาสนา หรือท่านอาจเป็นพระอริยเจ้าผู้อยู่เหนือโลกไปแล้ว
    พระ ลึกลับรูปนี้ได้หยิบก้านธูปที่จุดหมดดอกแล้วนำมาหักเป็นสี่จังหวะแล้วหยิบ สายสิญจน์ขึ้นมาพันไปมาพร้อมทั้งบริกรรมกำกับ จนสำเร็จเป็นรูปตัว “พ.พาน” จากนั้นส่งให้หลวงปู่เย็น พร้อมกับกล่าวโอวาทว่า
    “พ.พานวิเศษ”นี้หมายถึง “แก้วสารพัดนึก” หมายถึง การนึกอยากได้หรือต้องการอยากได้อะไรก็จะได้ดังใจปรารถนา ผู้ใดได้ไว้ครอบครองตั้งมั่นในศีลธรรม ในความดี ก็จะได้สมใจนึก ตัวพอ “พ” นี้ เป็นของวิเศษ อันเกิดจากพระวาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ที่โคนต้นโพธิ์ “พอ พอ แล้วใครไม่ต้องเป็นครูสอนเราแล้ว” พอเรารู้ในธรรมวินัยนี้ว่าเป็นของที่เลิศประเสริฐยิ่งนัก พระพุทธก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี เป็นของดีที่วิเศษ ยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้
    พระธุดงค์รูปนั้นท่านได้อธิบายถึงสรรพคุณและถ่ายทอดวิชาสร้างตัวอักษร “พ” ให้กับ หลวงปู่เย็นจนหมดสิ้น
    ตัวพ.พานนี้ ยัง เป็นเครื่องหมายแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ คือตัวพระ คือตัวพอ ความพอ คือธรรมอันวิเศษ เหมือนครั้งที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณท่านได้กล่าวออกมา ว่า “พอ พอ แล้วเราไม่ต้องการใครเป็นครูอาจารย์เราแล้ว ผู้รู้จักพอคือเศรษฐี คือผู้ค้นพบความร่ำรวย ผิดกับผู้ไม่รู้จักพอย่อมเป็นผู้ทุกข์อยู่กับการดิ้นรนแสวงหาเรื่อยไป”
    หลวง ปู่เย็นรับ “พ.พาน” ตัวเศษจากพระภิกษุลึกลับรูปนี้ด้วยความปลาบปลื้มใจ เมื่อหลวงปู่เย็นกราบท่านลงสามครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมาพระธุดงค์รูปนั้นก็อันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นสิ่งเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับหลวงปู่เย็นขณะอยู่ในวัยหนุ่ม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ “วัดระฆัง” ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่หลวงปู่เย็นท่านจำได้ดีตลอดมา
    ท่านเล่าว่าพระธุดงค์รูปนั้นท่านไม่ได้บอกชื่อ แต่ท่านจำหน้าตาได้แม่นยำที่สุด มาเห็นอีกทีก็ตอนที่เขาพิมพ์เรื่องหลวงปู่โลกอุดรนี่แหละ ท่านจำได้ดีว่าคือ พระรูปเดียวกันกับที่ท่านได้พบเจอมา ท่านได้กล่าวกับศิษย์ของท่านว่า เพราะพระผู้วิเศษท่านนี้แหละที่ทำให้ท่านสร้างวัดสร้างวาได้สำเร็จ โดยการสร้างวัดของหลวงปู่เย็นนั้น ท่านก็อาศัยการทำตัวพ.พานนี่แหละแจกจ่าย แลกกับ “ถุงปูน” ผู้ที่ได้ไปล้วนมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์อย่างมากมาย
    ขึ้นชื่อที่สุดคือ “พ.พาน” ของท่านเป็นของมีชีวิต ยามจะเกิดภัยจะสามารถส่งเสียงร้องเตือนได้และยังเป็นของทางคุ้มครองแคล้วคลาด เมตตามหานิยม วิชา “พ.พาน” จากหลวงปู่โลกอุดรที่ถ่ายทอดให้ท่านนั้นเป็นวัตถุมงคลแก้วสารพัด นึก แต่ทั้งนี้ผู้ครอบครองต้องรู้จักคำว่าพอเมื่อถึงความพอแล้วแก้วสารพัดนึกจะปรากฏขึ้นมาเอง
    “หลวงปู่เย็น ทานรโต” ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤกษภาคม ๒๕๓๙ เวลา ๑๓.๔๕ น. รวมอายุได้ ๙๔ปี ๒เดือน ๑๑ วัน สรีระของท่านหลังจากสวดอภิธรรม บำเพ็ญกุศลแล้วนำมาบรรจุใส่โลงแก้วประดิษฐานไว้ที่วัดสระเปรียญ เพื่อให้สาธุชามาสักการะขอพรกันอย่างสม่ำเสมอ
    คาถา ตัว พ.พานมหัศจรรย์ ตำรับหลวงปู่โลกอุดร
    เครดิตข้อมูล และภาพจาก พี่ tongn005
    http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=3638.0
    หลวงปู่เย็นเกิดปีเดียวกับหลวงพ่อปรง คือ พ.ศ.๒๔๔๗ ก่อนหลวงพ่อกวยหนึ่งปี รู้จักกับหลวงพ่อกวยพอประมาณ เเต่เรียกหลวงพ่อกวยว่า หลวงพี่กวย เพราะพรรษาบวชน้อยกว่า เคยเดินทางไปร่วมพิธีเสกพระกับหลวงพ่อกวยเป็นบางครั้ง นั่งรถโดยสารไปกันเอง
    ตามประวัติบวชเรียนเเล้วสึกมาใช้ชีวิตทางโลก จนตอนหลังกลับมาบวชอีกครั้ง อาจารย์เก่งๆที่ท่านเคยเรียนมา ล้วนเป็นสำนักเดียวกับหลวงพ่อกวย คือ หลวงพ่อศรี เเละหลวงพ่ออิ่ม
    วิชาที่ได้จากหลวงพ่ออิ่ม เช่นมนต์จินดามณี เเละวิชามือยาว เป็นต้น
    หลังจากจำพรรษาที่วัดกลางชูศรี ท่านได้นิมนต์หลวงปู่บุดดาซึ่งท่านนับถือมากมาเป็นเจ้าอาวาส ส่วนตัวท่านย้ายมาอยู่ที่วัดสระเปรียญ สมัยนั้นเป็นสำนักสงฆ์การเปรียญ มีพระจำพรรษาคือ หลวงตาชุ่มเเละลูกสาวซึ่งบวชเป็นเเม่ชี ชื่อเเม่ชีมณี หลวงปู่ได้บูรณะวัดเเละตั้งชื่อใหม่ว่าวัดสระเปรียญ
    วัตถุมงคลของหลวงปู่ ดีมากทางเเคล้วคลาดเเละเมตตาสูง หลวงปู่ใจดี ยิ้มเเย้มเเจ่มใส มีเมตตามากๆ เเต่ของทุกอย่าง หลวงปู่ไม่ค่อยเเจก เเต่จะเอาจำหน่ายเพื่อหาเงินเข้าวัด
    ............
    หลวงปู่เย็น ทานรโต วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท พระผู้สร้างวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียง พ .พาน หุ่นพยนต์ ซึ่งหลวงปู่เย็นท่านร่ำเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่เย็นท่านเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา (พระเกจิดังแห่งเมืองสุพรรณพระอาจารย์ของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่) และหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ (พระเกจิดังแห่งเมืองสิงห์บุรีพระอาจารย์ของหลวงพ่อกวย หลวงพ่อแพ) จนเมื่อปี 2507 หลวงปู่เย็นท่านได้ออกธุดงค์ ไปทางอำเภอบางระจัน จ.สิงห์บุรี พบเจดีย์เก่าในพงหญ้ารกครึ้ม ในสภาพทรุดโทรม จึงรู้ว่าที่เเห่งนี้เป็นวัดร้าง ด้วยจิตกุศลอันเเรงกล้า ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะบูรณะก่อสร้างขึ้นใหม่ จนกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองสวยงาม มีนามว่า วัดกลางชูศรีเจริญสุข โดยในงานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิตวัดกลางชูศรีเจริญสุขเมื่อปี 2522 นั้น หลวงปู่ได้สร้างเครื่องมงคล เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญ ซึ่งท่านได้นิมนต์พระเกจิสายพระครูศรี วัดพระปรางค์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วยหลายรูปอาทิเช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อพิม หลวงพ่อทอง หลวงพ่อปรง เป็นต้น พระเนื้อผงรูปเหมือนหลวงพ่อเย็น งานฝังลูกนิมิตวัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี 2522 จึงเป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่งที่น่าเก็บสะสม เพราะสมบูรณ์ไปด้วยมวลสาร, เจตนา และพุทธคุณ ตามหลัก มวลสารดี ,เจตนาดี, พระผู้ปลุกเสกดี
    พระผงรูปเหมือนรูปหล่อหลวงปู่เย็น มีประสบการณ์มากเเละนิยมพอสมควร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนรูปหล่อหลวงปู่เย็น ๒ องค์

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250805_212423.jpg IMG_20250805_212446.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,486
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754404582481.jpg FB_IMG_1754404572242.jpg


    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเที่ยง วัดพระพุทธบาทเขากระโดง
    จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๓
    หลวงพ่อเที่ยง ในอดีตท่านเคยเป็นครูสักยันต์ โดยเฉพาะยันต์เสือเผ่น ของท่านเป็นที่ล่ำลือในหมู่ศิษย์ของท่านว่า ดุดัน มหาอำนาจ หนังเหนียวเป็นยิ่งนัก ศิษย์ที่ปฎิบัติหน้าที่ชายแดนกัมพูชา มีประสบการณ์ปะทะกัน กระสุนมายังกะห่าฝน แต่แคล้วคลาดมาได้ โดนเนื้อหนังใช่ว่าจะระคายไม่ เป็นเหรียญมากประสบการณ์ พระเครื่องของ หลวงพ่อเที่ยง วัดพระพุทธบาทเขากระโดงเป็นที่กล่าวขานมานาน เรื่อง อยู่ยงคงกะพันชาตรี มหาอุด สมัยก่อนท่านเป็นครูสักยันต์ดังไปถึงต่างประเทศ ลายสักที่เป็นที่นิยมคือ เสือเผ่น ซึ่งหลวงพ่อเที่ยงเชี่ยวชาญ ท่านสำเร็จวิชาหัวใจเสือสมิง
    หลวงพ่อบอกว่า หากเข้าตาจนหมดหนทางให้ระลึกถึงหลวงพ่อนะจะผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เลวร้ายไปใด้ชั่วระยะเวลานึง
    ของดีแห่งเขากระโดงทำดีหรือไม่ดีหลวงพ่อคุ้มครองหมดยกเว้น"กรรมเก่า".....มาถึง!!!
    เทพเจ้าแห่งเสือสมิงบุรีรัมย์
    หลวงพ่อเที่ยง นปภังกโร วัดพระพุทธบาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ปี 2531 เนื้อทองแดง ในพื้นที่หายากมาก ประสบการณ์ พระเครื่องของ หลวงพ่อเที่ยง วัดพระพุทธบาทเขากระโดงเป็นที่กล่าวขานมานาน เรื่อง อยู่ยงคงกะพันชาตรี มหาอุด สมัยก่อนท่านเป็นครูสักยันต์ดังไปถึงต่างประเทศ ลายสักที่เป็นที่นิยมคือ เสือเผ่น ซึ่งหลวงพ่อเที่ยงเชี่วชาญ ท่านสำเร็จหัวใจเสือสมิง มีนักการเมืองตระกูลดังในจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้ตะกรุดของท่านติดตัวเสมอเพราะ มั่นใจในพุทธคุณค้มตัวให้รอดปลอดภัยได้ รวมถึงมีการลองยิงตะกรุดทุกประเภทของหลวงพ่อปรากฏว่ายิงไม่ออก และ กระบอกปืนแตกกัน เป็นที่ตะลึงแก่สายตาหลายๆท่านมาแล้ว
    หลวงพ่อเที่ยง ปภังกโร เป็นชาวบุรีรัมย์โดยกำเนิด ท่านเรียนจบแค่ประถมปีที่ 4 จากนั้นก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนามาตลอด ช่วงชีวิตในวัยรุ่นไม่ค่อยมีอะไรผาดโผนเท่าไรนัก เพราะเป็นคนขยันทำมาหากินอย่างเดียว กระทั่งอายุ 29 ปี ท่านจึงเข้าอุปสมบทที่วัดอีสาน โดยมีพระเมธีธรรมาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อบุญมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อจำรัส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทแล้วมาอยู่จำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทเขากระโดง หลวงพ่อเที่ยง ศึกษาวิทยาคมและวิปัสสนากรรมฐานอยู่หลายปี จนเชี่ยวชาญเสมอด้วย หลวงพ่อบุญมาทีเดียว ซึ่งได้รับการแนะนำว่า ถ้าจะบรรลุถึงธรรมปฏิบัติที่แท้จริงแล้วจะต้องออกธุดงค์ เพื่อหาความวิเวกฝึกจิตสมาธิให้กล้าแข็ง ท่านจึงออกเดินธุดงค์จาริกหาความวิเวกไปตามป่าดงดิบทั้งไทย พม่า และเขมร ต่อมา หลวงพ่อบุญมาถึงแก่มรณภาพ ท่านได้เดินทางกลับมาเพื่อช่วยจัดการเกี่ยวกับศพของหลวงพ่อบุญมา และพระอธิการบุญเย็น พระอาวุโสในวัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อเที่ยงก็ออกธุดงค์อีก คราวนี้ขึ้นไปทางเหนือ จุดหมายปลายทางคือ ฝั่งเมียวดี ประเทศพม่า ท่านผ่านทางแม่สอด จ.ตาก แล้วข้ามฟากมุ่งสู่ยอดดอย "ลิ้นกี่" ฝั่งเมียวดี แล้วเข้ากรรมฐานรักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นเป็นเวลาเกือบปี และวันหนึ่ง ท่านใด้พบกับพระลาวรูปหนึ่งชื่อว่า หลวงมหาตันอ่อน เป็นพระเถระจากเมืองเวียงจันทร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในคาถาอาคม ออกธุดงค์มานับสิบ ๆ ปีแล้ว ท่านทั้งสองได้แลกเปลี่ยนวิทยาคม และความรู้ด้านปฏิบัติสมถะสำหรับในด้านคาถาอาคมนั้น พระมหาตันอ่อนก็เปรียบเสมือนครูอีกคนหนึ่งของหลวงพ่อเที่ยง ท่านได้สั่งสอนวิทยาคมต่าง ๆ ให้กับหลวงพ่อเที่ยงอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งใก้ลเข้าพรรษา ท่านทั้งสองก็ต้องแยกจากกันเพื่อหาที่พักจำพรรษารับอนิสงส์ตามประเพณี พอออกพรรษา หลวงพ่อเที่ยงก็แบกกลดคู่ชีพธุดงค์มุ่งหน้าสู่เขาพระวิหารเพื่อบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมี ที่เขาพระวิหารนี้ ท่านได้พบกับพระเถระของเขมรระดับเกจิหลายรูปด้วยกัน ได้ฝากตัวเป็นศิษย์รับการถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ หลวงพ่อเที่ยงธุดงค์เข้าไปในเขมรพร้อมกับพระอาจารย์อุทัยเพื่อนสหธรรมมิก พบกับพระเกจิอาจารย์ขมังเวทชาวเขมรได้รับความเมตาสั่งสอนถ่ายทอดวิทยาคมต่าง ๆ อย่างไม่ปิดบัง จนสำเร็จอภิญญาทางอิทธิฤทธิ์ หรือสมถกรรมฐานนั่นเอง ท่านรอนแรมธุดงค์อยู่ในป่าเสียมากก่วาจะอยู่ในเมือง พยายามที่จะทำวิปัสสนาธุระให้ได้ และศึกษาความรู้จากพระอาจารย์ต่าง ๆ นั่นเอง
    ....เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2559 หลวงพ่อเที่ยงได้มรณภาพอย่างสงบ โดยมีอายุ 75 ปี 2 เดือน 7 วัน พรรษา 46 พรรษา ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งดินแดนที่ราบสูงพระดีที่มากด้วยพุทธคุณของดีแห่งเขากระโดง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250805_213052.jpg IMG_20250805_213110.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...