บันทึกกรรมของฉัน

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Suryar, 10 พฤศจิกายน 2023.

  1. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ใช่ค่ะ แม้จะอยู่ต่างมิติก็ยังสามารถโทรศัพท์มือถือได้ค่ะ ฉันไม่ได้โกหกค่ะ

    แต่จะโทรติดหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับมิติค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025
  2. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ท่องเอาไว้

    ตายเป็นตายค่ะ !!!

    ฉะนั้น ออกเดินจนกว่าจะมีสัญญาณมือถือและเจอป้ายบนถนนค่ะ

    ดีกว่านั่งเฉยๆ รอมิติขยับนะคะ

    ยิ่งทิ้งไว้นาน มิติจะปิดตัวลงค่ะ

    ฉะนั้นต้องรีบออกเดินเท้าค่ะ

    เชื่อไหมคะ ล่าสุดฉันเดินเกือบ 6.2 กิโลอ่ะค่ะเพราะกลัวหลงมิติ

    ฉันออกจากบ้านไปไหนไม่ค่อยได้เพราะวิวเปลี่ยนค่ะ ก่อนวิวจะเปลี่ยนจะมีควันขโมงลอยมาสีขาวคลุ้งเลยค่ะ เหมือนคนก่อกองไฟเอาไว้ บังตาไปหมดเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025
  3. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    หากมิติปิด แล้วออกมาไม่ได้…

    จะเป็นผีเฝ้ามิติค่ะ

    เคยขับรถผ่านตามถนนตอนกลางคืนแล้วเห็นวิญญาณนั่งข้างถนนไหมค่ะ

    นั่นแหละค่ะ จะเป็นแบบนั้น

    พอแค่นี้ก่อนนะคะ

    เครียดค่ะ

    ฉันกลัว

    เพราะเราไม่รู้ว่า ตอนที่เรากำลังหลงทางนั้น เราออกจากกายเนื้อมาหรือยัง เพราะไม่มีอะไรบ่งบอกเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเช่น อุบัติเหตุ ค่ะ ฉะนั้น เตรียมพร้อมการหลงทางไว้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025
  4. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ตุ๊กแก…สัตว์ต้องห้ามในอิสลาม

    ระหว่างตุ๊กแกกับจิ้งจก เป็นสายพันธุ์เดียวกัน มีลักษณะใกล้เคียงกัน ในหะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด (ซล.) มีความชัดเจนว่าท่านนบีสั่งให้ฆ่า ใครได้ฆ่าตุ๊กแกจากการตีครั้งแรกได้ผลบุญ 100 คะแนน อุลามาได้บอกว่า เหตุผลที่ให้ฆ่าตุ๊กแก มีอยู่ 2 ประการ

    1.ตัวแพร่เชื้อโรค ติดต่อ

    2.เป็นเรื่องความเชื่อ

    หะดีษที่บันทึกโดย อิหม่ามบุคอรี ว่า ท่านนบี (ซล.)ได้สั่งให้ฆ่าตุ๊กแก ตุ๊กแกเป็นสัตว์ประเภทเดียว ที่ไปเป่าไฟของท่านนบีอิบรอฮีมตอนถูกเผาให้ลุกโชนขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการลงโทษ อัลลอฮฺลงโทษแก่สัตว์ชนิดนี้ เป็นประเภทเดียวในโลกว่าต้องถูกกำจัด

    สัตว์ที่ต้องฆ่าศาสนาเรียกว่า ฟุวัลซิกอฮฺ เป็นสัตว์ที่อันตราย นอกรีต ท่านนบีมุฮัมมัด (ซล.) สั่งให้ฆ่าหมด เช่น หมู แมงป่อง ตุ๊กแกก็เช่นเดียวกัน เป็นสัตว์อันตราย สัตว์ที่ถูกฆ่าคือเนื้อรับประทานไม่ได้ เป็นเนื้อของสัตว์ที่ไม่ดี นั่นคือทัศนะของอุลามา
    ที่มา: www.thaimuslim.com

    http://islamhouse.muslimthaipost.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2025 at 09:45
  5. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    อาชีพ มีอยู่ 2 แบบ คือ

    1. อาชีพที่พึ่งพากฎแห่งกรรมของเราและคนอื่น

    เช่น อาชีพค้าขาย ต้องอาศัยดวงจึงจะมีผู้ซื้อง่ายขายคล่อง หรือ อาชีพ คนตกปลา ต้องอาศัยดวงว่าจะจับปลาได้มากน้อยเพียงไรในวันนึง

    2. อาชีพที่ไม่ต้องพึ่งพากฎแห่งกรรมของเราและคนอื่น

    เช่น อาชีพเป็นหนูทดลองยาตามบริษัทยาต่างๆ เขาจ่ายรายเดือนให้แลกกับสุขภาพของเรา หรืออาชีพขายเลือด เช่นพวกเขมร ออกไปเร่ขายเลือดตามโรงพยาบาลต่างๆค่ะ

    อาชีพในข้อ 2 นี้จะหมดบุญได้ช้ากว่าในข้อ 1 ค่ะ อันหมายถึง เป็นอาชีพที่ไม่รบกวนผลบุญรายวันมากนักในแต่ละวันค่ะ

    ฉะนั้น การคิดอัตราผลบุญในแต่ละวันที่ต้องจ่ายให้แก่ระบบกฎแห่งกรรมนั้นต้องแยกประเภทด้วยค่ะ มิใช่ว่า คนทำอาชีพหนูทดลองยาต้องจ่ายภาษีกฎแห่งกรรมเท่ากับคนขายของในตลาด อันนี้ไม่ใช่ แต่คนทำอาชีพหนูทดลองยา จะต้องจ่ายภาษีกฎแห่งกรรมเท่ากับคนที่บริจาคเลือดหรือขายเลือดค่ะ

    งงไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2025 at 15:38
  6. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    กรณีศึกษา…
    ข้าราชการบำนาญ…
    ทุพพลภาพทางจิตแบบถาวร…

    กรณีนี้ เป็นการยกตัวอย่างกฎแห่งกรรมให้เห็นชัดๆ ค่ะ มีข้าราชการบำนาญท่านหนึ่ง ได้รับบำนาญเดือนละ 11,000 บาท โดยจิตแพทย์เซ็นอนุมัติให้เขาทุพพลภาพทางจิตแบบถาวรในขณะที่เขาเบลอถอดเสื้อผ้าวิ่งรอบบ้าน

    อยู่ต่อมา อาการดีขึ้น เพราะได้รับยาฝรั่ง ทั้งกินทั้งฉีด และไม่ต้องไปทำงาน สุขภาพจิตดีขึ้น หมอฉีดยาให้ทุกเดือน เดือนละ 2 เข็ม รวมทั้งกินยาฝรั่งเดือนละ 8,000 บาท จนสามารถนั่งสมาธิได้

    แต่นิรยบาล ไม่ให้นั่งสมาธิ และคอยขัดขวาง ไม่ให้อาการกลับสู่สภาวะปกติ เพราะอ้างว่า รับเงินเดือนๆละ 11,000 บาท บวกค่ายา 8,000 บาท รวมเป็น 19,000 บาทต่อเดือน แล้วเก็บภาษีกฎแห่งกรรมกับเขาในอัตราดอกเบี้ยเท่ากับคนที่ประกอบอาชีพปกติ(ตามข้อ1กระทู้ที่แล้วข้างบน) ทำให้เขานั่งสมาธิไม่ได้ และอาการไม่ดีขึ้นเลย

    ตามปกติคนบ้าจะนั่งสมาธิเก็บผลบุญไม่ได้ แต่ตามรายงานการวิจัยของนายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ท่านบอกว่า คนบ้าสามารถนั่งสมาธิได้ แต่นายนิรยบาลไม่ยอมค่ะ

    สรุปว่า ค่ายาฝรั่ง เขาก็ออกเอง(เบิกตามสิทธิ์ราชการได้แต่นิรยบาลเอามาคิดรวมกับเงินเดือน) แต่อาการไม่ดีขึ้น ทุกวันจะมีวิญญาณมาแทรกทำให้ร้องโอดโอยต้องลุกขึ้นมาเดินจงกรม ซึ่งทำเพื่อให้ตนเองสงบ หากเดินจงกรมไม่ได้ก็ร้องกรี๊ดจนสลบคาเตียง แล้วฟื้นขึ้นมา เป็นเช่นนี้ทุกวัน เพราะนิรยบาลอ้างว่า ต้องให้คุ้มค่าเงิน 19,000 บาทค่ะ

    จะเห็นได้ว่าอาชีพของข้าราชการบำนาญคนนี้คืออาชีพหนูลองยาของบริษัทยา แต่ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมคือ นิรยบาลเก็บภาษีกฎแห่งกรรมตามกฎของอาชีพในข้อ 1 ข้างบนค่ะ แทนที่จะเก็บ rate เดียวกับคนขายเลือดซึ่งเป็นอาชีพประเภทเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากนิรยบาลอ้างว่า อาชีพของข้าราชการผู้นี้คือรับราชการค่ะ มิใช่หนูทดลองยา

    หากตีความเช่นนี้ ข้าราชการดังกล่าว ก็โชคร้ายค่ะ เพราะ กินยาฉีดยาโดยได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ 11,000 บาท ทั้งๆที่อาการปกติแล้ว แต่โดนบังคับ แถมไม่สามารถสะสมบุญจากการนั่งวิปัสสนากรรมฐานได้อีกด้วยค่ะ เพราะนิรยบาลไม่ยอมรับผลงานวิจัยของนายแพทย์ยงยุทธฯ

    ทั้งนี้ในทุกเดือนที่ทำการฉีดยา ก็จะถูกเอาองค์ทุพพลภาพองค์ใหม่ที่ป่วยมาใส่เพิ่มขึ้นให้ทุกเดือนคล้ายกับทำการรีดองค์ เพื่อให้ข้าราชการดังกล่าวป่วยตลอดเวลา และอาการไม่ดีขึ้น เพราะข้าราชการท่านนี้รับเงินทุกเดือนๆละ 11,000 บาท แถมยังไม่มีองค์ที่จะไปประกอบอาชีพอื่นอีกด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2025 at 12:41
  7. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    วิธีซ่อมดวงจิตปัญญาอ่อนให้หายเป็นปกติ…

    ทำได้ด้วยการนำดวงจิตปัญญาอ่อนมาใส่รวมไว้กับร่างของคนปกติที่ไม่ป่วยแล้วให้ดวงจิตทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยการใช้ปราณชีวิต การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน การคิดร่วมกัน การทำกิจกรรมร่วมกัน การเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน คืออยู่ร่วมกันเป็นเวลา 1-2 ปี โดยทุกเดือนจะรีดเอาองค์ปกติออกมาด้วยการฉีด fluanxol depot 40 mg

    จะพบว่า องค์ปัญญาอ่อนเมื่อได้รับองค์ที่ถูกรีดออกมาทุกเดือนนั้น จะหายเป็นปกติจากอาการปัญญาอ่อน ส่วนองค์ปกติที่ถูกรีดองค์ จะกลับกลายเป็นปัญญาอ่อนแทน โดยหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนแทน

    นี่คือวิธีการรีดองค์แล้วนำองค์ของผู้ป่วยโรคจิตเภทไปขายของพยายมในโรงพยาบาลจิตเวช ผู้ป่วยที่ปกติ กลายเป็นผู้ป่วยปัญญาอ่อน เพราะโดนรีดองค์ด้วยยา Fluanxol depot ทุกเดือน พยายมรวยเละ

    บันทึกไว้ ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2568
    เวลา 1816 h
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2025 at 18:48
  8. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    เหนื่อยใจ…

    ท้อ

    แต่ไม่ถอย
     
  9. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ขายตัว VS ขายองค์

    การขายตัวนั้นเมื่อได้เงินมา เงินจะเอาไปทำบุญไม่ขึ้น คล้ายกับเรื่องของยายแฟง ที่เก็บชักเงินหัวคิวของโสเภณีมารวบรวมไว้เพื่อสร้างเจดีย์ แต่ไม่ได้บุญเลย ในขณะที่ การขายองค์นั้น เงินที่ได้สามารถเอาไปทำบุญได้ผลบุญกลับคืนมา

    การขายองค์คืออะไร ?

    การขายองค์คือการถูกถ่ายองค์จากคนนึงไปสู่อีกคนนึงเช่น การลดความอ้วนภายในระยะเวลาอันรวดเร็วจนผอมสวย แล้วถูกนำตัวไปกักขังในโรงพยาบาลที่ซึ่งบังคับให้กินข้าวทำให้เพิ่มน้ำหนักตัวภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และถูกฉีดยาจนสลบคาเตียงทุกวัน โดยมีการกักขังไม่ให้พบปะใครเลย มีแต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ทำให้องค์เคลื่อนย้ายไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ถูกบังคับให้ทานข้าวและฉีดยา ภาษาโรงพยาบาลเรียกว่า การถูกจำหน่ายองค์

    วิธีสังเกตเมื่อถูกจำหน่ายองค์หรือขายองค์คือ หน้าตาจะเปลี่ยนแปลงไป ความรักสวยรักงามจะลดลง ความเป็นผู้หญิงจะหายไป เช่น จากที่เคยทานสลัดทุกมื้อ จะทานอะไรก็ได้ จากที่เคยแต่งหน้าทุกวันก็จะไม่แต่งหน้าเลยค่ะ เป็นต้น

    มาดูภาพ 2 ภาพนี้ ที่แตกต่างกัน ตอนถูกขายองค์นะคะ IMG_6353.jpeg IMG_6859.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2025 at 19:21
  10. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ฉันโดนมาทุกรูปแบบแล้ว
    ทั้งโดนตบ โดนต่อย
    โดนเฆี่ยนตี
    ฉันยังคง ยิ้มสู้ค่ะ
    พยายมของฉันโหดมากค่ะเพื่อนๆ
    ตั้งแต่ฉันไปสถานีตำรวจ ไปแจ้งความว่าถูกตบ
    พยายมไม่เคยตบฉันอีกเลยค่ะ
    ฉันไปศิริราชไปหาหมอด้วย
    หมอสังเกตว่า กรามขบกันไม่ได้
    เลยส่งแผนกนิติเวชค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2025 at 19:55
  11. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    สิ่งที่คนจนไม่รู้…

    วันนี้ฉันไปตลาด เห็นคนจนคนหนึ่งยืนขายขนมถ้วยแล้วใจหาย เพราะดูสกปรกไม่น่าซื้อ ใจหนึ่งก็อยากอุดหนุน อีกใจก็ไม่มีงบประมาณ เพราะฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีงบแค่วันละร้อยในแต่ละวัน สิ่งที่คนจนไม่รู้ มีอะไรบ้างมาดูกัน

    1.อาชีพค้าขาย มิใช่อาชีพเสี่ยงโชค แต่ต้องอาศัยบุญ

    หากไม่มีบุญ จะทำมาค้าขายไม่ขึ้นเลย ขายอะไรก็ขายไม่ออก ไม่มีคนซื้อ มีแต่คนเดินผ่าน

    2. ไม่ใช่ทุกคนที่มองเห็นเรา

    เราจะไม่เป็นที่สังเกตของคนปกติว่ากำลังยืนขายขนมถ้วยอยู่ พูดง่ายๆคือ ไม่สะดุดตา ไม่เตะตา เพราะเหมือนมีอะไรมาบังตาคนปกติไม่ให้เห็นเราอยู่ จึงไม่มีคนซื้อขนมถ้วย นี่เกิดขึ้นเพราะมิติของเราต่ำ นั่นเองค่ะ

    3. นอกจากมิติต่ำแล้ว เจ้ากรรมนายเวรยังมายืนบังไม่ให้ใครเห็นอีกด้วยค่ะ

    4. สินค้าดูสกปรก และคนขายดูสกปรกมอมแมมไม่น่าซื้อ อันนี้คนขายอาจไม่รู้ตัว เพราะคิดว่าตัวเองปกติ จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่คนจนไม่รู้ตัวค่ะ

    จากทั้งหมดนี้ ทำให้ขายขนมถ้วยไม่ออก ยืนขายตั้งแต่เช้าจนเที่ยง สามารถแก้ไขได้อย่างไรนั้น ต้องแก้กรรมอย่างเดียวค่ะ กรรมน่ากลัวไหมล่ะคะเพื่อนๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2025 at 14:09
  12. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    การซ้อนทับของมิติ…

    การซ้อนทับหรือ overlay ของมิติ จะเหมือนกับ Theme ของ shape file ของโปรแกรม ArcGIS อธิบายง่ายๆ คือ เรามีชั้นข้อมูลแม่น้ำ 1 ชั้น มีชั้นข้อมูลถนน 1 ชั้น และมีชั้นข้อมูลตึกรามบ้านช่องอีก 1 ชั้น แล้วเอาข้อมูลทั้ง 3 ชั้นมารวมกัน จะได้แผนที่ตึกรามบ้านช่องที่มีแนวเส้นถนนและแนวแม่น้ำที่ไหลผ่าน นั่นเอง

    ทีนี้หากในปีพศ 2400 ในอดีต ยังไม่มีการตัดถนนและตึกรามบ้านช่อง มีแต่แนวแม่น้ำ ก็จะได้แผนที่บ้านเรือนที่มีแต่แนวแม่น้ำ คนในอดีตเข้าไม่ถึงชั้นข้อมูลแนวถนนหนทาง

    หากในปี พศ 2600 ในอนาคต มีการตัดถนนเพิ่มเติม ก็จะมีแนวถนนเพิ่มเติมจากปีปัจจุบัน คนยุคปัจจุบันจะเข้าไม่ถึงชั้นข้อมูลแนวถนนที่ตัดใหม่ในอนาคต

    ทีนี้ตัวแบ่งอดีต-อนาคตคือมิติ เช่น ชั้นจตุมหาราชิกา ชั้นพรหม ก็จะมีเวลาไม่เท่ากัน ฉะนั้น การเข้าถึงชั้นข้อมูลของปี 2400 หรือปี 2600 จึงแตกต่างกัน ทำให้ชั้นจาตุมหาราชิกา ไม่เห็นแนวถนนที่ตัดใหม่ เช่นนี้เป็นต้น

    ฉะนั้น การมองเห็นมิติของเหล่าวิญญาณจึงไม่เหมือนกัน บ้างเห็นประตูทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ บ้างมองไม่เห็นเลย เรื่องก็มีเช่นนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2025 at 14:25
  13. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ใช่ค่ะ ตามทฤษฎีคือ

    วิญญาณที่ตายก่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะสร้างทางเข้าสำเร็จ ก็จะไม่เห็นทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ

    เพราะวิญญาณจะมี version เหมือน iOS ของ Apple ค่ะ และจะไม่มีการอัพเกรด iOS อัตโนมัติหลังตายเลย ฉะนั้น การเข้าถึงชั้นข้อมูลจะจำกัดค่ะ

    ดังนั้น วิญญาณต้องอาศัย benchmark ในมิติของตนเองว่าทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ช่วงไหนค่ะ เช่น ใกล้ๆ ชายทุ่งถัดไป 300 เมตรมีต้นไม้ใหญ่ เช่นนี้เป็นต้น
     
  14. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    ไม่ใช่ค่ะ

    เมื่อวิญญาณที่ตายก่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะสร้างเสร็จนั้นมาเห็นสนามบินสุวรรณภูมิ จะเห็นว่า คนมาทำไมกันเยอะแยะ แล้วหิ้วกระเป๋ามาทำไมกัน แล้วเดินตามคนเหล่านั้นมาค่ะ เพราะตัวเองมองไม่เห็นมิติที่สร้างใหม่ จะเดินตามแบบก้าวต่อก้าวเลยล่ะค่ะ จึงจะสามารถเข้ามิติมาได้
     
  15. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    หลิงฉือ 凌迟 Lingchi

    การแล่เนื้อเถือหนัง คือ ใช้มีดเฉือนเนื้อของนักโทษออกทีละชิ้นทีละชิ้น
    ให้นักโทษเจ็บปวดทรมานและตายไปแบบช้าๆ เรียกได้ว่าเป็นวิธีการประหารที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมที่สุดวิธีหนึ่ง
    โทษนี้มีมาตั้งแต่ยุคห้าราชวงศ์ (อู่ไต้ 五代 คศ. 906-970)และใช้ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยราชวงศ์ชิง
    โดยแต่ละสมัยจะมีการกำหนดจำนวนครั้งและลำดับอวัยวะในร่างกายที่เฉือนแตกต่างกันออกไป เช่นในสมัยซ่งจะตัดแขนขาและกรีดคอนักโทษก่อน เพื่อไม่ให้หนีและไม่ให้ส่งเสียงร้อง โดยมากจะใช้วิธีการที่เรียกว่า เชียปาตาว 切八刀 คือการเฉือนแปดขั้นตอน
    เริ่มจากหน้าอก กล้ามเนื้อแขนส่วนบน ต้นขา ท่อนแขน ข้อศอก น่อง เข่า สุดท้ายคือตัดหัว
    ในยุคหลังๆความโหดยิ่งทวีคูณมากขึ้น อย่างในสมัยราชวงศ์หมิงกำหนดว่านักโทษจะต้องถูกเฉือนร่างพันครั้งขึ้นไป
    หากไม่ครบตามที่กำหนด เพชฌฆาตเองก็จะต้องถูกลงโทษ

    โดยมีบันทึกไว้ว่าขันทีหลิวจิ่น (刘谨 ) ได้รับโทษด้วยข้อหาก่อกบฏและถูกเฉือนร่างถึง 3357 ครั้งเป็นเวลาต่อเนื่องถึงสามวันจึงสิ้นลมหายใจ
    อีกคนคือขุนนางชื่อเจิ้งม่าน (郑鄤) ถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์กับแม่เลี้ยงและน้องสาวตัวเองซึ่งถือเป็นโทษร้ายแรง และได้รับโทษหลิงฉือโดยถูกเฉือนร่างถึง 3600 ครั้ง แต่ที่อ่านเจอส่วนใหญ่จะให้นักโทษได้รับฝิ่นในปริมาณมากก่อนการประหารชีวิต นักโทษจะทนความทุกข์ทรมานน้อยที่สุด ตรงนี้เองอาจทำให้เราไม่ได้ยินเสียงท่านอ๋องร้องในซีรีย์ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้

    ขอบคุณข้อมูลจาก pantip
     
  16. Suryar

    Suryar ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    3,798
    ค่าพลัง:
    +745
    พระทิเบต แมทธิว รีคาร์ด…เจ้าของสมองที่มีความสุขที่สุดในโลก

    ความสุขเป็นทักษะอย่างหนึ่ง เหมือนกับทักษะต่างๆ ที่ต้องเรียนรู้

    เขามีคำแนะนำในการทำสมาธิดังนี้

    1. มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดความคิดที่จะมา แต่การฝึกเอาใจมาไว้กับตัว ช่วยทำให้จิตสงบลง และกระจ่างขึ้น

    2. ให้จิตทำหน้าที่เหมือนกระจกเงา คือสะท้อนภาพแต่ภาพนั้นไม่ติดบนกระจกเงา ใช้เทคนิคนี้กับความคิด ปล่อยให้ความคิดแล่นผ่านไป แต่ไม่ปรุงแต่ง

    3. การคุมจิตไม่ได้ลดอิสรภาพ มันเพียงช่วยไม่ให้เราตกเป็นทาสของความคิด

    4. จงมีสติเสมอ เมื่อสัมผัสว่าจิตกำลังกระเจิง ก็ค่อยๆ ดึงมันกลับมา

    5. รักษาจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ มากกว่าล่องลอยไปในอดีตหรืออนาคต เราอาจโฟกัสที่สิ่งอื่นก็ได้ เช่น สภาพอากาศที่ร้อนหรือเย็น หรือเสียงที่ได้ยิน เป็นต้น ลองนึกภาพว่าเรากำลังกำหนดทิศของเรือ ไม่ใช่ปล่อยให้มันล่องลอยไปตามยถากรรม

    6. พอฝึกสมาธิจนเริ่มเก่งขึ้น ก็สามารถจัดการกับความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายง่ายขึ้น ขอพื้นที่คืนมาจากความรู้สึกไม่ดี จงมองดูประสบการณ์ของเราเหมือนดูกองไฟ ถ้าเรารู้สึกโกรธ ก็แค่ให้รับรู้ ว่ามีความโกรธ เมื่อรู้สึกวิตก ก็รับรู้ว่ามีความวิตก การแค่รับรู้ทำให้เราไม่เติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ และมันจะมอดไปเอง ระหว่างทำสมาธิ ก็รับความรู้สึกดีๆ เช่น ความเมตตา

    7. การฝึกจิตก็เหมือนฝึกเปียโน ทำสัก 20 นาทีย่อมได้ผลกว่าไม่กี่วินาที จงทำสม่ำเสมอเหมือนรดน้ำต้นไม้ มันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป IMG_3552.jpeg

    เขาบอกว่า “การทำสมาธิก็เหมือนกีฬายกน้ำหนักหรือการออกกำลังกายทางจิต ใครๆ ก็สามารถมีความสุขได้โดยฝึกฝน”

    สมองของคนเราเป็น Neuroplasticity (หรือ neural plasticity) คือ มีความยืดหยุ่น เราเปลี่ยนแปลงมันได้ตลอดชีวิต เขาบอกว่าการทำสมาธิสามารถเปลี่ยนสมองและตัวตนของผู้ฝึกและใครๆ ก็ทำได้ โดยเรียนรู้วิธีปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป

    ผลสแกนสมองแมทธิวชี้ระดับกิจกรรมเข้มข้นที่เกิดขึ้นในสมองส่วน prefrontal cortex ซีกซ้าย
    แปลผลได้ว่า แมทธิวมีความรู้สึกด้านลบต่ำ เขามีศักยภาพที่จะมีความสุขมากกว่าคนปกติหลายเท่า สรุปว่าเท่าที่เคยมีการบันทึกมา แมทธิวเป็นเจ้าของสมองของคนที่มีความสุขที่สุดในโลก IMG_3554.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2025 at 12:06

แชร์หน้านี้

Loading...