ติดตามสถานะการณ์

การเจรจานิวเคลียร์รอบ 6 ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯที่วางแผนไว้ในสุดสัปดาห์นี้ ถูกยกเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการเปิดเผยของโอมาน ชาติคนกลาง ในวันเสาร์(14มิ.ย.) หลังอิหร่านและอิสราเอลโจมตีเข้าใส่กันครั้งใหญ่ ในเหตุเผชิญหน้าครั้งดุเดือดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในขณะที่นายกรัฐมนตรียิวอวดอ้างว่าปฏิบัติการของพวกเขานั้น ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
โต๊ะเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน ท่ามกลางคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร ถ้าหากการทูตล้มเหลว
อย่งไรก็ตามล่าสุด บาดร์ อับบูไซดี รัฐมนตรีต่างประเทศโอมาน โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "การเจรจาระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯที่จะจัดขึ้นในกรุงมัสกัตในวันอาทิตย์นี้ จะไม่เกิดขึ้น การทูตและการเจรจายังคงเป็นหนทางเดียวที่มุ่งหน้าสู่สันติภาพที่ยั่งยืน" เขากล่าว
จุดที่ประเด็นทางตันหลัก ก่อนหน้ากำหนดการประชุมในวันอาทิตย์(15มิ.ย.) ที่ตอนนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว ก็คือการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ในขณะที่สหรัฐฯ อิสราเอลและประเทศตะวันตกอื่นๆ กล่าวหาอิหร่านมาช้านานเกี่ยวกับการเสาะหาอาวุธนิวเคลียร์ คำกล่าวหาที่เตหะรานปฏิเสธ
ปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ของอิสราเอล เล่นงานที่ตั้งทางทหารและทางนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์(13มิ.ย.) ทำให้อนาคตของการเจรจาตกอยู่ในเครื่องหมายคำถาม แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯบอกกับเอเอฟพีเช่นกันว่า "จะไม่มีการพบปะหารือในวันอาทิตย์ แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะเจรจาและหวังว่าอิหร่านจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาเร็วๆนี้"
มาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีอิหร่าน บอกว่าเตหะรานจะไม่เข้าร่วมการเจรจา ตราบใดที่อิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีพวกเขา
ท่าทีปฏิเสธการเจรจาของอิหร่าน มีขึ้นในขณะที่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยในวันเสาร์(14มิ.ย.) ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเล่นงานอิหร่าน "ได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจน" จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
"ศัตรูของเราคือศัตรูของคุณ เรากำลังจัดการกับบางอย่างที่จะคุกคามเราทั้งคู่ไม่ช้าก็เร็ว ชัยชนะของเราจะเป็นชัยชนะของคุณ" เนทันยาฮูกล่าวในวิดีโอส่งถึงทรัมป์ ในวันครบรอบวันเกิดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ "นี่คือสิ่งที่อิสราเอลกำลังทำภายใต้แรงสนับสนุน การสนับสนุนอย่างชัดเจนจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประชาชนชาวอเมริกาและคนอื่นๆมากมายทั่วโลก"
ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทาง เปเซชเคียน กล่าวว่าอิหร่านอยากเดินหน้าหนทางด้านการทูต แต่ "จะไม่ยอมรับขอเรียกร้องไม่มีเหตุผลภายใต้แรงกดดัน หรือยั่งอยู่บนโต๊ะเจรจา โดยที่อีกด้านหนึ่งระบอบไซออนิสต์ยังคงเดินหน้าโจมตีพวกเรา"
มาครง โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ร้องขอ เปเซชเคียน ให้กลับคืนสู่โต๊ะเจรจาอย่างทันทีทันใด
(ที่มา:เอเอฟพี)
https://www.facebook.com/share/16fkKTdsaL/

 

ฬำ เจีย (Lam Chea) รัฐมนตรีประจำสำนักงานเลขานุการแห่งรัฐด้านเขตแดนของกัมพูชา ระบุในถ้อยแถลงเมื่อช่วงเย็นวันเสาร์(14มิ.ย.) หลังปิดฉากวันแรกในการเจรจาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เน้นย้ำ "การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น" แต่ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกัมพูชายังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าว ยืนยันประเด็นพื้นที่ 4 ปราสาทไม่ถูกหยิบยกมาพูดคุย เช่นเดียวกับการปิดด่านชายแดน กร้าว "ใครเป็นคนเริ่มก่อน ก็ต้องยกเลิกมันก่อน"
เขมรไทม์สรายงานว่าที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นในพนมเปญเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 12 ปีที่ทั้ง 2 ฝ่ายหวนคืนสู่การเจรจา JBC กันอีกรอบ โดยวันแรกของการพูดคุยยุติลงราวๆ 16.00น. เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดอย่างเป็นทางการเผยแพร่ออกมาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเจนจา และทั้ง 2 ฝ่ายมีกำหนดหารือกันต่อในวันอาทิตย์(15มิ.ย.) ตอนเวลาประมาณ 9.00 น.
ฬำ เจีย เป็นแกนนำของคณะผู้เจรจาของฝ่ายกัมพูชา ส่วนไทยำโดย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบกิจการด้านชายแดน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้าการประชุม นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า 2 ประเด็นหลัก จะไม่ถูกนับรวมในวาระการหารือ ประเด็นแรกคือข้อพิพาทเขตแดนที่เกี่ยวข้องกับปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตากระเบย เช่นเดียวกับพื้นที่มอมเบย
นายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่ากัมพูชาได้ตัดสินใจนำประเด็นเหล่านี้ยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ไอซีเจ)แล้ว และมีแผนยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อศาลในวันพรุ่งนี้(ล่าสุดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว)
ตามรายงานของเขมรไทม์ส ประเด็นที่ 2 คือประเด็นการปิดชายแดน ซึ่งในเรื่องนี้ ฮุน มาเน็ต บอกว่าการปิดและเปิดชายแดนไม่ได้อยู่ภายในขอบเขตอำนาจของ JBC เขาเน้นย้ำว่าเรื่องนี้เกิดจากการปิดชายแดนฝ่ายเดียวของทหารไทยในวันที่ 7 มิถุนายน 2025 ซึ่งมันควรกลับมาเปิดอีกครั้งแต่เพียงฝ่ายเดียว ตามสถานะที่เคยเป็นอยู่ก่อนหน้านี้
ฮุน มาเน็ต อ้างว่ากัมพูชาไม่ได้เป็นคนเริ่มสถานการณ์ในปัจจุบัน เฉพาะฉะนั้นจึงไม่ควรคาดหวังว่ากัมพูชาจะเป็นคนจบเรื่องดังกล่าว "ใครที่เริ่มมันแต่เพียงฝ่ายเดียว ก็ต้องจบมันแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีความจำเป็นต้องเจรจา ใครเริ่มก่อน แต่ต้องยุติก่อน"
กระนั้นทางนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต เน้นย้ำว่ากัมพูชามีความตั้งใจเดินหน้าทำงานร่วมกับไทย ผ่านกลไกของ JBC เพื่อให้กระบวนการปักปันเขตแดนในส่วนที่เหลืออยู่ของชายแดนร่วมระหว่าง 2 ชาติดำเนินการเสร็จสิ้น ยกเว้น 4 พื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท ซึ่ง กัมพูชา มีความตั้งใจคลี่คลายมันผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
(ที่มา:เขมรไทม์ส)
https://www.facebook.com/share/p/1JtReJ1FVb/

 

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เปิดเผยในวันเสาร์(14มิ.ย.) ประเทศของเขากำลังประจำการฝูงบินขับไล่และสินทรัพย์ด้านการทหารอื่นๆเข้าไปยังตะวันออกกลาง ท่ามกลางความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
"เรากำลังเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปยังภูมิภาค ในนั้นรวมถึงฝูงบินขับไล่ และนี่ก็เพื่อการสนับสนุนฉุกเฉิน" สตาร์เมอร์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ที่อยู่บนเครื่องบินของนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมจี 7 ในแคนาดา
ผู้นำสหราชอาณาจักรรายนี้เผยว่าเขาได้พูดคุยกับทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลแล้ว นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งด้านการทหารและนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในวันศุกร์(13มิ.ย.)
อ้างอิงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ มีผู้คนหลายสิบชีวิตถูกสังหาร ในนั้นรวมถึงผู้นำเหล่าทัพและบรรดาผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เช่นเดียวกับพลเรือน
อิหร่าน ตอบโต้ด้วยการปล่อยโดรนและขีปนาวุธเข้าสู่อิสราเอล ในช่วงค่ำวันศุกร์(13มิ.ย.) ลากยาวจนถึงเช้าวันเสาร์(14มิ.ย.) ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะโจมตีตอบโต้กันอีกชุดใหญ่ในช่วงกลางดึกคืนวันเดียวกัน
สตาร์เมอร์ กล่าวว่าสถานการณ์เดินหน้าเร็วมากและเป็นไปอย่างเข้มข้น "เรามีการพูดคุยกับพันธมิตรของเราอยู่ตลอดเวลา ทั้งตัวผมเองและเดวิด แลมมี(รัฐมนตรีต่างประเทศ) ซึ่งได้พูดคุยกับอิหร่านเช่นกัน" เขาระบุ "สารที่เราส่งออกไปอย่างต่อเนื่องก็คือ การลดความตึงเครียด เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เรากำลังทำ ทุกการพูดคุยที่เรากำลังดำเนินการ เกี่ยวข้องกับการลดความตึงเครียด"
ผู้นำสหราชอาณาจักรเผยต่อว่าการพูดคุยระหว่างเขากับเนทันยาฮูเมื่อวันศุกร์(13มิ.ย.) เป็นไปด้วยดีและเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ในนั้นรวมถึงการหารือเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของอิสราเอล
แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร บอกในวันเสาร์(14มิ.ย.) ว่าเขารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุโจมตีเมื่อคืนวันศุกร์(13มิ.ย.) "เราต้องลดความตึงเตรียดโดยด่วนและป้องกันไม่ให้มันก่ออันตายแก่พลเมืองไปมากกว่านี้" แลมมี โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมเผยว่าเขาได้พูดคัยกับ อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน และระหว่างนั้นได้ร้องขอความสงบ
(ที่มา:เอเอฟพี)
https://www.facebook.com/share/p/16mWDeFX5p/

 

อิสราเอล : เสียงไซเรนดังขึ้นทั่วอิสราเอล เวลา 20.17 น. 15/6/2025
ตามเวลาไทย

สัญญาณดังกล่าว เป็นการเตือน ภัยทางอากาศ พิกัดขีปนาวุธ จากอิหร่าน หรือ จรวดจาก กลุ่มฮูตี ใน เยเมน
หรือจาก ฮิซบุลเลาะห์ ใน เลบานอน
ที่อาจหลุดแนวป้องกันภัยทางอากาศตก ประชาชนต้องเข้าหลุมหลบภัย

มีรายงาน อิสราเอล กับอิหร่าน กำลังเปิดการโจมตีระหว่างกัน ในช่วงเย็น วันที่ 15/6/2025 เป็นสถานการณ์ที่โจมตีกันต่อเนื่องตั้งแต่ 13.6.2025

มีรายงานเสียงดังสนั่น จากการโจมตี ทั่วเตหะราน ในไม่กี่นาทีก่อนที่ อิสราเอล
เปิดสัญญาณเตือนภัยในวันที่ 15/6/2025
เป็นการโต้กลับ

https://www.facebook.com/share/18RBtSyqdv/

 

ตกลงที่บอกว่าเป็นการประชุม JBC ที่ “ราบรื่น เป็นไปทางบวก” ก็ไม่จริงเลย!



https://www.facebook.com/share/p/1ApsejYUGR/

 

คืนที่ 3 ยิ่งเร่าร้อนและบอกตรงๆ อิหร่าน "มียุบ"⚠️ล่าสุด ทัพยิวสอยกระทรวงการต่างประเทศ (หลังกลาโหมเพิ่งโดนไปหยกๆ) เรียกว่าเสียรูปมวย! ยิวมาเป็นชุด เล่นบนสลับล่าง ใบหน้าสลับลำตัวเดี๋ยวล่อฐานนิวเคลียร์ เดี๋ยวฐานทัพ เดี๋ยวตึกราม เดี๋ยวคลังน้ำมัน ฯลฯ เลือกแล้ว! ขณะที่อิหร่านออกหมัดเยอะ แต่เหมือนเป็นหมัดโต้ ไม่ใช่หมัดเข้าเป้า สาดมิสไซล์และโดรนเข้าใส่ไม่ยั้ง แต่เสียงตุ้บตั้บๆ เหมือนเข้าการ์ดและสีข้างมากกว่า --- มาเป็นร้อย แต่ยิวดักสกัดได้บ้าง ลอดได้บ้าง และส่วนใหญ่เป็นระเบิดตึก ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ทางทหาร
ขณะที่ยิวเน้นๆ ทุบไปที่โรงงานผลิตอาวุธ

และที่น่าตกใจ คือหัวๆ ของอิหร่านโดนเด็ดชีพไปหลายรายแล้ว ล่าสุด ก็ ผอ. หน่วยข่าวกรองของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม IRGC แห่งอิหร่าน (ว่าง่ายๆ ก็เทียบเท่า CIA น่ะแหละ) --- แบบนี้มิใช่ถูกพิฆาตด้วยการโจมตีด้วยเครื่องบินรบแน่ๆ
นี่คือภารกิจของ "มอสสาด"
ซ้ำนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ก็โดนเชือดเป็นว่าเล่น เกินสิบศพแล้ว
ซึ่งถามว่า "มอสสาด" แฝงซุ่มอยู่บนอิหร่านได้มากมายอะไรปานนั้น!?!?!?!

ตอนนี้ นับดู
อิหร่าน 224 ศพ และเจ็บ 1,277 คน
อิสราเอล 14 ศพ และเจ็บ 380 คน
มองมุมนี้ คล้ายอิหร่านเพลี่ยงพล้ำมากกว่า . . .

อิหร่านลั่น ปฏิบัติการ "สัญญาสัตย์ ภาค 3" True Promise III ยกระดับขึ้นเป็น "เฟส 4"
ปรับแท็กติก เดินเกม ลุยหนักขึ้น
ก็ไม่รู้เฟสไหนเป็นเฟสไหนแล้ว
แต่อิหร่านจำเป็นต้องพลิกเกม ตอนนี้ทรงมวยไม่ดี ขณะที่ยิวกำลังคึกจัด

ว่ากันต่อคืนที่ 4

https://www.facebook.com/share/16hRi9gZrJ/

 

ขีปนาวุธนำวิถีแบบก้าวหน้า “Haj Qassem” อาจถูกใช้ในการโจมตีเมืองไฮฟา เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการ “Rising Lion” ของอิสราเอล ตามที่ Alexei Borzenko นักข่าวทหารผู้มีประสบการณ์กล่าวกับ Sputnik
“ในขณะนั้น เมืองไฮฟาถูกโจมตีด้วยจรวด 40 ลูก แต่ระบบ Iron Dome ไม่สามารถรับมือได้ และมีจรวดหลายลูกทะลวงผ่านแนวป้องกันเข้ามา” ผู้เชี่ยวชาญระบุ
Borzenko กล่าวต่อว่า “คุณต้องเข้าใจว่าจำนวนมีผลอย่างมากต่อการป้องกันทางอากาศ”
“ยิงมา 5 ลูก — ถูกสกัดได้ ยิงมา 10 ลูก — ก็ยังพอจัดการได้ แต่ถ้าเป็น 40 ลูก — บางลูกก็จะหลุดรอดมาได้ แต่ถ้าเป็น 100, 200, หรือ 1,000 ลูก Iron Dome ก็จะรับมือไม่ไหว”
แม้ว่าจรวดส่วนใหญ่ที่อิหร่านใช้ในการโจมตีระลอกล่าสุดจะเป็นรุ่นเก่าที่มีอายุ 20–30 ปี แต่ Haj Qassem ซึ่งเปิดตัวในปี 2020 ถือเป็นหนึ่งในขีปนาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดของอิหร่าน
ข้อมูลขีปนาวุธ Haj Qassem:
พิสัยยิง: 1,400 กิโลเมตร
น้ำหนักหัวรบ: 500 กิโลกรัม
สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับด้วยเรดาร์ได้
เข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่ความเร็ว Mach 12 และ โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว Mach 5
การตอบโต้อย่างรุนแรง
“จนถึงตอนนี้ ชาวอิสราเอลยังไม่เคยเผชิญหน้ากับขีปนาวุธที่หนักหน่วงขนาดนี้” บอร์เซนโกกล่าว
ชาวอิสราเอลรู้สึกตกใจอย่างมากที่หัวรบของอิหร่านได้รับการปรับปรุง — มีระเบิดที่รุนแรงกว่าและชิ้นส่วนที่อันตรายมากขึ้น นักวิจารณ์ระบุ
หลักฐาน? ภาพถ่ายและวิดีโอแสดงให้เห็นอาคารที่เสียหาย หน้าต่างที่แตกกระจาย และอื่น ๆ
การยกระดับที่แท้จริงยังมาไม่ถึง
“ผมเชื่อว่าเตหะรานยังคงเก็บอาวุธที่ทรงพลังกว่านี้ไว้ มากกว่าที่ใช้ในไฮฟา อาวุธใหม่ล่าสุดของพวกเขายังไม่ได้ถูกนำมาใช้ การยกระดับที่แท้จริงยังรออยู่ข้างหน้า” นักวิจารณ์กล่าว
สปุ๊ตนิก

https://www.facebook.com/share/p/1CjnudfHtF/

 

อิสราเอลยอมรับว่าไม่สามารถทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้
อิสราเอลร้องขอให้รัฐบาลทรัมป์เข้าร่วมสงครามกับอิหร่านในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพื่อกำจัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลสองราย อิสราเอลยอมรับว่าตนไม่สามารถทำลายสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านได้ด้วยตนเอง และมีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่มีขีดความสามารถในการทำเช่นนั้น อิสราเอลไม่มีระเบิดเจาะเกราะ (bunker buster bombs) และเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ที่จำเป็นในการทำลายโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมฟอร์โดว์ของอิหร่าน ซึ่งสร้างอยู่ในภูเขาและลึกลงไปใต้ดิน
นี่คือภาพที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยอ้างว่าเป็นสถานที่ลับกลางของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลบางส่วนที่มอสสาดของอิสราเอลได้มาในการปฏิบัติการเมื่อปี 2018 เว็บไซต์ของบริษัทข่าวกรอง Intel Lab ระบุว่าภาพของโรงงานฟอร์โดว์ที่ใช้รหัสว่า “Al Ghadir” นี้เป็นภาพจำลองสามมิติที่สร้างขึ้นโดยนักวิเคราะห์ที่ใช้ชื่อว่า @Orion__int บนทวิตเตอร์ โดยอาศัยเอกสารที่อิสราเอลได้มาและเปิดเผยต่อสาธารณะ รวมถึงภาพถ่ายและวิดีโอ
บริษัทกล่าวว่า “ความพยายามแบบสหวิทยาการนี้อาศัยความรู้ด้านวิศวกรรมโยธา พื้นฐานวงจรการเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ การวิเคราะห์ข่าวกรอง และทักษะขั้นสูงด้านการจำลองและการเรนเดอร์ภาพอย่างสมจริง”
รัฐบาลทรัมป์ได้พยายามรักษาระยะห่างจากปฏิบัติการของอิสราเอล และแย้งว่าการที่อิหร่านตอบโต้โดยการโจมตีเป้าหมายของสหรัฐฯ จะเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ปัญหาคือ การโจมตีอิหร่านโดยไม่มีการยั่วยุก่อนใด ๆ จะนำพาสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับทั้งจีนและรัสเซีย การโจมตีอิหร่านโดยตรง แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีบทบาทเพียงแค่การทิ้งระเบิดในบางจุด ก็จะดึงสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามทันที และนั่นอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
ความจริงที่โหดร้ายคือ หากโรงงานฟอร์โดว์ยังคงใช้งานได้ แม้ว่าจะสิ้นสุดปฏิบัติการแล้วก็ตาม นั่นหมายความว่าอิสราเอลล้มเหลวในเป้าหมายในการ “กำจัด” โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในที่สุด สิ่งที่พวกเขาอาจได้ผลักดันกลับคือ การที่เกาหลีเหนือกลายเป็นตัวแทนในการมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้อิหร่านโดยตรง
https://www.armstrongeconomics.com/...mits-it-cannot-destroy-irans-nuclear-program/



https://www.facebook.com/share/p/1AaywJGSsM/

 

Jun 16, 2025 ด่วน! ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ประกาศถ้าวันนี้ (16) ประเทศไทยไม่กลับมาเปิดด่านชายแดนเต็มรูปแบบ วันพรุ่งนี้ 17 มิ.ย. กัมพูชาจะปิดด่านชายแดนทั้งหมดกับไทย และห้ามนำเข้าสินค้าไทย
ขแมร์(เขมร) ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อและสำนักข่าวชื่อดังของรัฐบาลประเทศกัมพูชารายงานในวันนี้ 16 มิถุนายน 2025 ว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา ประกาศภายใน 24 ชั่วโมงจากนี้ไป ประเทศไทยจะต้องกลับมาเปิดด่านชายแดนที่มีจุดตรวจผ่านแดนกับประเทศกัมพูชาอย่างเต็มรูปแบบ หากไม่เป็นเช่นนั้น ประเทศกัมพูชาจะดำเนินการปิดด่านชายแดนที่มีจุดตรวจผ่านแดนกับประเทศไทย และประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยทั้งผลไม้ และผักจากไทยเข้าสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา นอกจากนี้ กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านเข้าออกชายแดนของกัมพูชาและประเทศไทย ถ้าหากรัฐบาลไทยใช้มาตรการเปิดด่านชายแดนไทยกับกัมพูชาเฉพาะระหว่าง 6.00 น. ถึง 22.00 น. ในปัจจุบัน
สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากทหารไทย เป็นฝ่ายใช้มาตรการจำกัดด้านชายแดน และเมื่อประเทศกัมพูชาใช้มาตรการในแบบเดียวกัน กลับกลายเป็นว่าไทยต้องการจะเปิดเจรจา เพื่อรักษาหน้าอย่างนั้นหรือ? กัมพูชาจะไม่นำชื่อเสียงของประเทศ ไปตกอยู่ในความผิดพลาดของประเทศอื่น
ประธานองคมนตรีกัมพูชา กล่าวว่าในความเป็นจริงแล้ว วันนี้ 16 มิถุนายน 2025 ประเทศกัมพูชาจะต้องปิดด่านชายแดนที่มีจุดตรวจผ่านด่านทั้งหมดกับประเทศไทย แต่รัฐบาลประเทศกัมพูชาเสนอให้เลื่อนวันปิดชายแดนออกไปก่อนหลังจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุน มาเนต ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวของประธานองคมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน มีขึ้นระหว่างการกล่าวเปิดการประชุมวุฒิสมาชิกในช่วงเช้าวันนี้ 16 มิถุนายน 2025 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
https://www.facebook.com/share/p/18AG9TVXWR/

 

Jun 16, 2025 ลุ้นถูกแบน! รัฐบาลสหรัฐจัดกัมพูชาเป็น 1 ใน 36 ประเทศส่อโดนห้ามเข้าประเทศอเมริกา ถ้าไม่รีบแก้ปัญหาตามกฎระเบียบตามกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐใน 60 วัน

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมพิจารณาขยายมาตรการการจำกัด และการห้ามการเดินทางและท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 36 ประเทศทั่วโลกเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าหากทั้ง 36 ประเทศและเขตเศรษฐกิจนี้ไม่ดำเนินการเร่งแก้ไข หรือปรับปรุงให้เป็นไปตามกฎระเบียบจำเป็นของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาภายใน 60 วันข้างหน้า

กลุ่มประเทศทั้ง 36 ประเทศ หรือเขตเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกาจะดำเนินการมาตรการวีซ่าอย่างเต็มรูปแบบ หรือจำกัดการออกวีซ่าบางส่วน มีดังต่อไปนี้ แองโกลา แอนติกัวและบาร์บูด้า เบนิน ภูฏาน เบอร์กินาฟาโซ คาโบเวอร์เด กัมพูชา แคเมอรูน ไอวอรี่โคสต์ สาธารณรัฐคองโก จิบูตี โดมินิก้า เอธิโอเปีย กาบอง อียิปต์ กาน่า คองโก แกมเบีย คีกีสถาน ลิเบอร์เรีย มาลาวี มอริทาเนีย ไนเจอร์ ไนจีเรีย สาธารณรัฐแห่งคองโก เซนต์คิทส์แอนด์เน็ตวิส เซนต์ลูเซีย เซาตูเมและปรินซิปี เซเนกัล ซูดานใต้ ซีเรีย แทนซาเนีย ตองก้า ทูวาลู อูกานดา วานาอาตู แซมเบีย และซิมบับเว

กฎระเบียบจำเป็นที่ทั้ง 36 ประเทศ หรือเขตเศรษฐกิจจะต้องรีบแก้ไข เช่น ความร่วมมือในการบันทึกเอกสารข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดสำหรับผู้เดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เอกสารข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของผู้เดินทางที่สามารถเรียกตรวจสอบเพื่อวัตถุประสงค์ความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา การพำนักอยู่อาศัยของชาวต่างประเทศที่อยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวีซ่าของแต่ละประเภท เป็นต้น

สำหรับประเทศที่สหรัฐอเมริกาไม่ออกวีซ่า ซึ่งได้รับผลกระทบ ได้แก่ อัฟกานิสถาน เมียนมา ชาด สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน ส่วนประเทศที่ได้รับการออกวีซ่าแบบจำกัด หรือวีซ่าบางประเภทในการเข้าสหรัฐ มี 7 ประเทศ ได้แก่ บุรุนดี คิวบา สปป.ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา

#วีซ่า #สหรัฐ #กัมพูชา #เมียนมา #BTimes

https://www.facebook.com/share/16QV9us3za/

 

Jun 16, 2025 สกัดพุ่ง ! กบน. เคาะลดจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ทั้งเบนซินและดีเซล กว่าวันละ 74 ล้านบาท ตรีงราคาหน้าปั๊ม บรรเทาผลกระทบค่าครองชีพ จากราคาน้ำมันดิบพุ่งหลังเหตุการณ์ตะวันออกกลางปะทุ

(วันที่ 16 มิถุนายน 2568) คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทวีความรุนแรง และส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า “การประชุม กบน. วันนี้ได้มีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 72.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 85.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 88.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง

เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น และไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพในช่วงที่สถานการณ์วิกฤตพลังงานกำลังเกิดขึ้น กบน. จึงมีมติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว” ดังนี้ (ข้อมูลในตาราง)

สำหรับการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันทุกชนิด (รวมถึงน้ำมันเตา) ลดลงประมาณวันละ 74.41 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 241.64 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 167.23 ล้านบาท โดยปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ติดลบอยู่ที่ 36,268 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 8,244 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 44,512 ล้านบาท

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินมาตรการครั้งนี้เป็นไปตามบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานของประเทศเมื่อเกิดวิกฤตด้านราคาพลังงาน ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดยยึดหลักการ “เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้” พร้อมยืนยันว่า กบน.จะติดตามสถานการณ์น้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อดูแลและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนให้มากที่สุด

#น้ำมัน #กบน #ราคาน้ำมัน #น้ำมันดิบ #น้ำมันไทย #ราคาขายปลีกน้ำมัน #ตะวันออกกลาง #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/1ExYrVqbCP/

 

สหรัฐส่งเครื่องบินเติมน้ำมัน 30 ลำข้ามแอตแลนติก ส่อเสริมศึกอิสราเอล-อิหร่าน
รายงานจาก The Times of Israel วันที่ 16 มิถุนายน อ้างข้อมูลจากเว็บติดตามการบิน เปิดเผยว่ากองทัพอากาศสหรัฐได้ส่งเครื่องบินเติมน้ำมัน (air-to-air tanker) อย่างน้อย 30 ลำ บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 15 ตามเวลาท้องถิ่น โดยถูกระบุว่าเป็นการเคลื่อนกำลังข้ามสมุทร "ที่ไม่มี precedents" ในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐ
ในจำนวนนี้ 26 ลำบินขึ้นจากฐานทัพต่างๆ ในสหรัฐ มุ่งหน้าทางตะวันออก ส่วนอีกกว่า 30 ลำทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบทบาทหลักของเครื่องบินประเภทนี้คือสนับสนุนการโจมตีทางอากาศระยะไกลด้วยการเติมเชื้อเพลิงให้เครื่องบินรบกลางอากาศ
สื่ออิสราเอลสันนิษฐานว่าเครื่องบินเหล่านี้อาจมุ่งสู่ตะวันออกกลาง เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอลต่ออิหร่าน หลังความตึงเครียดระหว่างสองชาติปะทุจากเหตุจรวดอิหร่านตกในดินแดน disputed areas ทว่ากองทัพอากาศสหรัฐยังไม่ให้การยืนยันข้อเท็จจริงนี้
ก่อนหน้านี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศชัดเจนว่าสหรัฐ "ไม่มีส่วนร่วมในการโจมตีอิหร่าน" พร้อมย้ำเป้าหมายหลักคือการคุ้มครองกำลังพลอเมริกันในภูมิภาค ทว่าการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้กลับตอกย้ำคำถามถึงบทบาทของวอชิงตันในวิกฤตการณ์ปัจจุบัน
ข้อสังเกตเชิงวิเคราะห์
ปริมาณที่ไม่ธรรมดา: การส่งเครื่องบินเติมน้ำมันพร้อมกันกว่า 30 ลำถือเป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ อาจสะท้อนการเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการขยายระยะเวลา
ความสัมพันธ์สหรัฐ-อิสราเอล: แม้สหรัฐประกาศ neutrality แต่การสนับสนุนทาง logistics เช่นนี้ชี้ให้เห็นถึงความร่วมมือใต้โต๊ะ
ความเสี่ยงสงครามขยายตัว: หากอิหร่านตีความว่าสหรัฐแทรกแซงโดยตรง อาจทำให้ความขัดแย้งลุกลามเป็นระดับภูมิภาค
ขณะที่โลกจับตาการเคลื่อนทัพสหรัฐอย่างใกล้ชิด คำถามใหญ่คือ นี่เป็นแค่การป้องปราม หรือจุดเริ่มต้นของการลงมือแบบเต็มรูปแบบ?
https://www.facebook.com/share/16mzHFNLmY/